ดีอีเอสห่วงประชาชนสับสนเจอบิดเบือน กม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ดีอีเอส แนะประชาชนศึกษาข้อมูล กม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ จากช่องทางสื่อสารของกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หลังพบมีข้อมูลบนโซเชียลเผยแพร่ 4 เรื่องไม่จริง-บิดเบือน รับการประกาศบังคับใช้กฎหมาย ห่วงประชาชนเข้าใจผิดและตื่นตระหนก

3 มิ.ย. 2565 – นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง กล่าวว่า จากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน 4 เรื่อง เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นไป สร้างความสับสนให้กับสังคม และอาจทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ เกิดความเข้าใจผิดต่อประเด็นการให้ความคุ้มครองสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้

โดยพบว่า มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูล 4 เรื่องไม่จริงเกี่ยวกับ PDPA ได้แก่ 1. การถ่ายรูป-ถ่ายคลิป ติดภาพคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่ยินยอมจะผิด PDPA โดยในข้อนี้ ขอชี้แจงว่า กรณีการถ่ายรูป-ถ่ายคลิปโดยติดบุคคลอื่น โดยผู้ถ่ายรูป-ถ่ายคลิปไม่เจตนา และการถ่ายรูปถ่ายคลิปดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ถูกถ่าย สามารถทำได้ หากเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว

2.ถ้านำคลิปหรือรูปถ่ายที่ติดคนอื่นไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย โดยบุคคลอื่นไม่ยินยอมจะผิด PDPA ในกรณีนี้ ยืนยันว่าสามารถโพสต์ได้ หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่ใช้แสวงหากำไรทางการค้าและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

3.ติดกล้องวงจรปิดแล้วไม่มีป้ายแจ้งเตือนผิด PDPA ซึ่งในความเป็นจริงตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ การติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากเพื่อป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัยกับตัวเจ้าของบ้าน

และ 4. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความยินยอมทุกครั้งก่อนนำข้อมูลไปใช้ ซึ่งในประเด็นนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม หากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ใน 6 กรณีดังต่อไปนี้

ได้แก่ (1) เป็นการทำตามสัญญา (2) เป็นการใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ (3) เป็นการใช้เพื่อรักษาชีวิตและ/หรือ ร่างกายของบุคคล (4) เป็นการใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางสถิติ (5) เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ และ (6) เป็นการใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ หรือสิทธิของตนเอง

“หลักการข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นกรณีๆ ไป สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศให้หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปได้ปฏิบัติตาม โดยนับเป็นหนึ่งในชุดกฎหมายดิจิทัล เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ในการใช้บริการออนไลน์ในชีวิตประจำวัน” โฆษกดีอีเอสกล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจาก PDPA นับเป็นกฎหมายใหม่ที่มีการบังคับใช้ เพื่อให้ประชาชนและสังคม รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกิดความเข้าใจแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในกฎหมายฉบับนี้ อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถเข้าไปศึกษาและติดตามข้อมูลโดยตรง จากช่องทางสื่อสารของกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์และโซเชียลที่เข้าถึงได้สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.mdes.go.th/mission/82 และเพจเฟซบุ๊ก pdpcthailand ที่ https://www.facebook.com/pdpc.th

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทวงผลสอบจุฬาฯ ปม 'ดุษฎีนิพนธ์' บิดเบือนประวัติศาสตร์กระทบสถาบัน

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯ รุ่นปี 2512 ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

'ดร.นิว' ซัด 'ทนายสามนิ้ว' ฟอกขาวผู้ต้องหาหมิ่นสถาบัน อ้างขายของออนไลน์อยู่ดีๆก็โดน 112

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ตลกมากเลยครับ เครือข่ายทนายสามนิ้วปั่นกระแสบิดเบือนว่า "ขายของออนไลน์อยู่ดีๆ ก็โดนมาตรา 112"

'ดร.นิว' สงสัยต้องชั่วขนาดไหน! ด้อมเชิดชูพรรคปกป้อง สส.หื่น แต่ใส่ร้ายโครงการพระราชดำริ

ดร.นิว โพสต์เฟซบุ๊กว่า ด้อมส้มเชิดชูพรรคที่ปกป้อง สส. คุกคามทางเพศจนวินาทีสุดท้าย แต่กลับบิดเบือนกล่าวหาโครงการพระราชดำริต่างๆ นาๆ

กลุ่มปกป้องสถาบัน ฉะ 'สส.โรม' บิดเบือนข้อเท็จจริงใช้ ม.112 เล่นงาน 'พระพยอม'

ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ. โพสต์ข้อความว่า มีความพยายามจะช่วยพระพยอม ด้วยการสร้างข่าวเท็จว่า ศปปส. และ ศชอ. จะเล่นงานพระพยอมด้วย 112