ครม. รับทราบร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 13 พ.ศ.2566-2570 มุ่งพลิกโฉมประเทศไทย

9 พ.ย.2564 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบสาระสำคัญร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยร่างแผนพัฒนาฯฉบับนี้ เป็นแผนระดับที่ 2 ซึ่งเป็นกลไกในการถ่ายทอดยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ โดยระบุทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ควรให้ความสำคัญในระยะ 5 ปี ภายใต้หลักการและแนวคิดสำคัญ 4 ประการ คือ 1.หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2.แนวคิด “ล้มแล้วลุกไว” (Resilience) มุ่งเน้นการลดความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลง และการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพและยั่งยืน 3.เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และ 4.โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) รวมทั้งคำนึงถึงเงื่อนไขและข้อจำกัดที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย 
 
รองโฆษกฯกล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์ของร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 คือ เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” โดยมีเป้าหมายหลักที่ต้องการบรรลุผล 5 ประการ คือ 1.การปรับโครงการสร้างผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม 2.การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ 3.การมุ่งสู่สังคมโอกาสและความเป็นธรรม 4.การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน และ5.การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทโลกใหม่ พร้อมกำหนด 13 หมุดหมายของการพัฒนา เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ที่ชัดเจนใน 4 มิติ ดังนี้
 
1.มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย ประกอบด้วย 6 หมุดหมาย คือ 1)ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง 2)ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน 3)ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน 4)ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง 5)ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค 6)ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของอาเซียน
 
2.มิติโอกาสและความเสมอภาค ทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย 3 หมุดหมาย คือ 7)ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ 8)ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน 9)ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลงและคนไทยทุกคน มีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม
 
3.มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 2 หมุดหมายคือ 10) ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ 11)ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบ จากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
 
4.มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ ประกอบด้วย 2 หมุดหมายคือ 12)ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต 13)ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน
 
รองโฆษกฯกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมอบหมายให้ สศช. ประสานงานกับ สำนักงานประมาณ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณ และให้ สศช. นำความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ มาพิจารณาปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และ ครม. พิจารณาความเหมาะสมตามลำดับต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รัชดา' ทักนายก เพ้อเจ้อ! ตั้งเป้าขายทุเรียน 1 ล้านล้าน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาล และอดีต ส.ส พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์นายก กับเป้าหมายทุเรียน 1ล้านล้านบาท ในสิบปี

'ดร.รัชดา' ติงกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ควรตัดต่อพาดหัว 'เดอะ เซลส์แมน' เศรษฐาขึ้นปกนิตยสารไทม์

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ฝากถึง #กรมประชาสัมพันธ์ เพราะ NBT World News เป็นสื่อภายใต้การกำกับของรัฐ

ซานต้านิดมาแล้ว! ลดค่าไฟ-น้ำมัน-พักหนี้ 3 ปีพ่วงจ่ายเงินเดือน ขรก.เดือนละ 2 งวด

ซานต้านิดมาแล้ว! ไฟเขียวฟรีวีซ่าจีน-คาซัคสถาน เริ่ม 25 ก.ย.-29 ก.พ.2567 เคาะจ่ายเงินขรก. 2 รอบต่อเดือน เริ่ม ม.ค.ปีหน้า เฮ! ลดค่าไฟ 35 สตางค์ รอบบิลนี้ - 20 ก.ย. ลดดีเซลต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร

'ภูมิธรรม' โวประชุม ครม.จะเคาะไทมไลน์แก้ไขรัฐธรรมนูญ!

'ภูมิธรรม' เผยประชุม ครม.นัดแรกประเดิมถกแก้ รธน. ยันการทำประชามติจะไม่ใช้งบบานปลาย ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไร ขอหารือกันก่อน ยันเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง