อดีตนักศึกษาเกาหลี ยกกรณี 'มิลลิ' วีซ่าไม่ผ่าน เตือนน้องๆคนรุ่นใหม่ ไม่มีใครหมุนรอบตัวคุณ

15 ก.ย.2565 - นายนิธิพัฒน์ พันธุมจินดา อดีตนักศึกษาเกาหลี และผู้ประกอบการส่งออกปลาสวยงาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อกรณี "มิลลิ" ดนุภา คณาธีรกุล นักร้องหญิงมีปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า ทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้

โดยระบุว่า กรณีของน้องมิลลินั้น ผมเองแม้จะไม่ได้ชอบแนวเพลงของน้อง และเคยออกความเห็นว่า ท่าเต้นและการแสดงบนเวที น่าจะต้องปรับปรุงให้มีความเป็นมืออาชีพกว่านี้ เพื่อจะนำตัวน้องเองขึ้นสู่เวทีระดับโลกได้อย่างเต็มตัว

แต่ผมก็คงไม่ใช้พื้นที่เพื่อจะเย้ยหยันอะไรที่น้องเขาไม่ได้ไปแสดงที่เกาหลี และยังรู้สึกเสียดายโอกาสของน้อง ในฐานะศิลปินชาวไทยที่ไม่ได้ไปร่วมแสดงเป็นอย่างมากอีกด้วย

ประเด็นที่ผมอยากพูดถึงมากกว่า ก็คือ การเตรียมความพร้อม ในฐานะเจ้าของธุรกิจนั้น หลายๆครั้งผมต้องสัมภาษณ์พนักงานใหม่ และก็ทำให้สังเกตได้ว่า ในขณะที่คนรุ่นเก่าๆหน่อยที่มาสมัครงานนั้น มักเตรียมความพร้อมด้านเอกสารต่างๆมาอย่างดี กรอกแบบฟอร์มต่างๆด้วยความตั้งใจพยายามคัดลายมืออย่างเต็มที่นั้น

กลับพบว่าน้องๆซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่หลายๆท่าน ขาดตกบกพร่องเรื่องการเตรียมเอกสาร ขาดนั่นบ้างนี่บ้างอยู่เป็นประจำ และลายมือที่เขียนมาบางทีก็เขียนมาเหมือนไม่เต็มใจ ไม่ทำให้แน่ใจว่าอยากจะทำงาน หรือแค่อยากจะหาเงิน

ซึ่งน้องๆอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับคนที่มีหน้าที่ต้องพิจารณาแล้ว มันอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีนัยยะสำคัญในระดับจะได้งานหรือไม่กันเลยทีเดียว

เหมือนที่เห็นเพื่อนเฟซที่น่ารักของผมท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่บางครั้งก็ต้องใช้พื้นที่เฟซเพื่อทวงงานจากลูกศิษย์ หรือแจ้งเตือนตารางการเรียนการสอน ซึ่งผมก็จะแปลกใจที่อาจารย์กลับเหมือนจะห่วงอนาคตของลูกศิษย์ มากกว่าตัวลูกศิษย์จะมีความคิดที่จะห่วงอนาคตของตัวเอง

การได้วีซ่าหรือไม่ ในกรณีของน้องเขานี้ ผมแน่ใจว่าน้องเขาคงไม่ได้มีการกระทำผิดอะไรใดๆจนเข้าประเทศเกาหลีไม่ได้ หรือสาเหตุมาจากปัจจัยอะไรใดๆภายนอก

แต่ปัญหาน่าจะมาจากเรื่องการเตรียมความพร้อมในการขอวีซ่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารอะไรที่อาจไม่ได้เตรียมไป หรือไม่ก็มาขอวีซ่าช้าเกินไป จนสถานทูตเกาหลีในประเทศไทย เตรียมเอกสารการเดินทางให้ไม่ทัน ซึ่งทำให้เสียโอกาสที่จะได้เดินทางไปแสดงความสามารถของตน อย่างน่าเสียดายที่สุด

ในโลกของเรานั้น แน่นอนที่เรามีโลกเล็กๆที่อาจได้รับการประคบประหงมเอาใจ ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง ว่าทำอะไรก็ได้รับการอภัย ได้รับการเชิดชู และได้รับการยอมรับในทุกกรณี

แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้น่ารักอบอุ่นอะไรใดๆอย่างนั้น หากคุณพลาดในเรื่องที่แม้ในมาตรฐานของคุณจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ในสังคมนั้นๆ เขาเห็นเป็นเรื่องสำคัญเมื่อไหร่ ก็อาจเปลี่ยนโอกาส เปลี่ยนอนาคต และอาจถึงกับเปลี่ยนแนวทางชีวิตได้โดยง่ายหากไม่ระวัง

อย่าทิ้งโอกาสและอนาคตไป ด้วยประเมินว่าตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เพราะความเป็นจริงนั้น นอกจากไม่ได้มีใครหมุนรอบตัวคุณแล้ว คุณยังมีความรับผิดชอบต่อตัวเองที่จะหมุนไปตามความเป็นไปของโลกด้วยนะครับ

ก็เป็นบทความของคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ ที่จะขอฝากเตือนน้องๆคนรุ่นใหม่มาได้เพียงเท่านี้นะครับ