'บิ๊กโจ๊ก-กรมที่ดิน' ตั้งท่าเพิกถอนเอกสารสิทธิมิชอบบนเกาะหลีเป๊ะ ชาวเลหวังไม่ถูกรังแกอีก

"บิ๊กโจ๊ก-อธิบดีกรมที่ดิน" ตั้งท่าเพิกถอนเอกสารสิทธิมิชอบบนเกาะหลีเป๊ะ ชาวอูรักลาโว้ยมีความหวังหลังเดินสายเข้ากรุง เชื่อไม่ถูกรังแกอีก

20 ม.ค.2566 - ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้เดินทางติดตามความคืบหน้าและมอบข้อมูลลับให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน ส่วนตนเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการบังคับใช้กฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า วันนี้ได้หารือทั้งหมดแล้วร่วมกับกรมที่ดิน, กรมอุทยานฯ, กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

“วันนี้ต้องหาหลักให้ได้ก่อนว่าหลังปี 2498 ที่ดินที่ออกโดยสค.1 และ นส.3 ที่ดินบวมขึ้นมาออกโดยชอบหรือไม่ แล้วที่ดินต่างๆที่นอกจากนี้เป็นการออกโฉนดที่ดินถูกต้องหรือไม่ เรามีข้อมูลอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเรื่องนี้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2533 แล้ว จนถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ผมเองได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีอนุชา ให้ทำตามหลักกฎหมาย ส่วนไหนที่มีความผิดต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนไหนถูกต้องก็ให้ความเป็นธรรมง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อได้มาดูแผนที่ต่างๆมีความน่าหนักใจ แต่เราก็มีหน้าที่ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายและทำความจริงให้ปรากฏ เมื่อส่วนไหนที่ออกโดยมิชอบต้องดำเนินคดีไป ส่วนไหนที่ออกโดยชอบก็ถือว่าถูกต้อง

“ส่วนไหนที่ออกโดยมิชอบ ท่านอธิบดีกรมที่ดินจะดำเนินการต่อ โดยอาศัยหลักของผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ วันนี้จึงมีการทำงานร่วมกันระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯที่จะดูพื้นที่และนำผู้เชี่ยวชาญทางด้านแผนที่และนักกฎหมายมาดำเนินการ รวมถึงได้หารือกับอธิบดีกรมที่ดินแล้วว่าส่วนไหนเกิน ส่วนไหนไม่เกิน ทางเรามีข้อมูลแล้วทั้งหมด”รองผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหานี้เกิดจากการพัฒนาพื้นที่อันดามันอย่างรวดเร็วจนขาดความสมดุล ทำให้ชาวเลที่มีอยู่ 3 กลุ่มปรับตัวไม่ทัน เพราะในบางครั้งมีความรู้ทางกฏหมายน้อย เป็นกลุ่มผู้เปราะบาง เราจะต้องดูแลเขา ซึ่งนายอนุชาได้เน้นย้ำว่าความเป็นธรรมจะต้องเกิด ที่ดินส่วนไหนเป็นของใครต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีความหนักใจ

“การพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินนั้น ได้มีการใช้หลักฐานอื่นๆประกอบเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง นอกจากเอกสารที่ออกโดยราชการด้วย ต้องยึดหลักกฎหมาย เพราะการไปเพิกถอนที่ดินของใครถือเป็นการละเมิดสิทธิทั้งนั้น เมื่อมีการละเมิดสิทธิต้องถูกเขาฟ้องแน่ ดังนั้นการจะไปเพิกถอน หรือยืนบนหลักกฎหมาย ต้องยืนอยู่บนหลักเดียวกัน เพราะหลักกฎหมายมีอยู่หนึ่งเดียว เมื่อมาเป็นหลักเดียวแล้วจะตอบคำถามได้ง่าย” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจริงรัฐจะต้องรับผิดชอบในการชดเชยค่าเสียหายให้กับเอกชนผู้ซื้อรายต่อมาซึ่งถือกรรมสิทธิ์หรือไม่ ประธานคณะกรรมการฯกล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องขอใช้เวลาไปตรวจสอบเพราะจะเป็นเรื่องที่เกิดหลังจากดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งหากมีส่วนไหนเกินจากที่ดินจริงจะต้องมีการเพิกถอนทั้งหมด และหลังเพิกถอนจนเป็นที่ดินของรัฐแล้ว รัฐจะเป็นคนจัดสรรที่ดินใหม่เอง

เมื่อถามอีกว่า ชาวบ้านมีความกังวลในที่ดิน ส.ค.1แปลงที่ 11 ในการลงพื้นที่วันที่ 22 มกราคมนี้ จะมีการลงตรวจสอบจุดนี้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับอธิบดีกรมที่ดินแล้วพบเช่นเดียวกันว่ามีบางแปลงที่เห็นว่ามีปัญหาออกโฉนดที่ดินเกิน แต่ส่วนที่ต้องใช้หลักฐานในการเพิกถอนเราได้ทำการรวบรวมแล้ว มีข้อมูลอยู่มากพอสมควรแล้ว ขอลงพื้นที่เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม แต่จากการดูภาพถ่ายแล้วพบส่วนที่เกินและออกเอกสารไม่ถูกต้องแล้ว

“จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และส่งเรื่องให้กับอธิบดีกรมที่ดินเพื่อไปตั้งเรื่อง และตั้งคณะทำงานในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหานั้น ใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่ขั้นตอนของกรมที่ดินนั้นต้องไปถามอธิบดีกรมที่ดินก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รอไม่ได้ จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ส่วนความกังวลว่าจะมีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้นหลังรัฐบาลหมดวาระ จะทำให้คณะทำงานไม่สามารถทำงานต่อได้นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า แม้รัฐบาลชุดนี้จะหมดวาระลง แต่อำนาจหน้าที่ของคณะทำงานจะไม่สิ้นสุดอำนาจลง ยังคงอยู่เหมือนเดิม ยืนยันว่าต้องทำต่อ เพราะปัญหานี้กับความเดือดร้อนของประชาชนอย่างชัดเจน มีรัฐบาลใหม่มาก็ต้องทำต่อ ส่วนข้อกังวลว่าเรื่องนี้มีกลุ่มอิทธิพลที่ครอบครองพื้นที่ในหลายเกาะของทะเลอันดามันเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเป็นอุปสรรคในการทำงานของคณะทำงานหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีทางหวาดกลัว และไม่เป็นไร

ทั้งนี้ตัวแทนชาวเลได้มอบดาบจำลองเป็นสัญลักษณ์และให้กำลังใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดำเนินการเอาผิดให้ได้ และมอบข้อมูลลับให้คณะทำงานนำไปพิจารณาต่อไปด้วย

ก่อนหน้านี้ตัวแทนชาวเลกเกาะหลีเป๊ะได้ยื่นหนังสือกับนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุชา กล่าวว่าการดำเนินการในครั้งนี้ได้มอบนโยบายไปยังข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ว่าการทำงานในครั้งนี้ ให้ยึดหลักความยุติธรรมและดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น และคณะกรรมการชุดนี้จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขอให้ชาวเลมั่นใจ

“หากพบมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิด จะไม่มีการละเว้น ตอนนี้คณะทำงานมีข้อมูลในระดับหนึ่งที่สามารถดำเนินการในหลายด้านได้แล้ว แต่ถ้าหากทางเครือข่ายชาวเลมีข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถมอบให้คณะทำงานได้”นายอนุชา กล่าว

ทั้งนี้หลังจากที่ตัวแทนกลุ่มชาวเลเกาะหลีเป๊ะได้ยื่นหนังสือกับนายอนุชาและพล.ต.อ.สุรเชษฐ์แล้ว ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ด้วยเพื่อขอทราบความคืบหน้าเรื่องการตรวจสอบที่ดินและความคืบหน้าเรื่องการประสานงานกับกองทุนยุติธรรมในการช่วยเหลือชาวเลที่ถูกดำเนินคดีบนเกาะหลีเป๊ะ

จากนั้นตัวแทนชาวอูรักลาโว้ยทั้งหมดได้เดินทางโดยรถตู้กลับเกาะหลีเป๊ะ หลังจากเดินทางมา กทม.ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2565 รวม 6 วันและต้องรีบกลับไปรับคณะทำงานชุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่จะลงพื้นที่ในวันที่ 22 มกราคม

ขณะที่นางสาวสลวย หาญทะเล ตัวแทนชาวเลที่เดินทางมาในครั้งนี้กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องที่ร้องเรียนไว้ ซึ่งคาดหวังว่าทำให้เรื่องราวของชาวเลได้รับรู้ชัดเจนขึ้น ที่สำคัญคือต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเอกสารที่ดินโดยเฉพาะที่ออกโดยมิชอบ อย่างน้อยที่ดินซึ่งเป็นของราชพัสดุซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนก็อยากให้ผู้ใหญ่ลงไปดู เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเด็กๆ อย่างน้อยขอให้เขาได้รับทราบ ต่อไปเราจะได้ไม่ถูกรังแกอีก

“พวกเราขอบคุณทุกหน่วยงาน สื่อมวลชนทุกคนที่ช่วยกันนำเสนอข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราพูดไม่ใช่แต่งเรื่องขึ้น กลับเกาะเที่ยวนี้เรารู้สึกมีความหวังขึ้นเยอะ เราบอกคนทางบ้านไปแล้วถึงความหวังเพราะมีหน่วยงานจะไปช่วยกันดูแลเรา ทุกคนดีใจภูมิใจมากที่แต่หน่วยงานรับเรื่องไปและบอกว่าจะเร่งแก้ปัญหาด่วน แม้ไม่ได้แก้ภายใน 1-2 วัน แต่เราก็ดีใจที่ยังมีความหวังที่จะได้แก้ไข”นางสาวสลวย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ยืนยันไม่มีการกดดันฝ่ายใด หลัง 'บิ๊กโจ๊ก' ถอนเรื่องเอาผิดแต่งตั้งผบ.ตร.

จากกรณีที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถอนเรื่องที่ยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน

'บิ๊กโจ๊ก' ถอย! ดอดยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้งผบ.ตร.

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่23เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อขอถอนเรื่องที่ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน

'บิ๊กป๊อด' ยังไม่ได้คุย 'บิ๊กป้อม' หลังมีเอกสารหลุดพาดพิง แทรกแซงป.ป.ช.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีมีเอกสารหลุ

'ทนายมือหนึ่ง' เผยคนฝากให้กำลังใจนายกฯเยอะ หลังถูก 'บิ๊กโจ๊ก' เอาคืน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรัฐมนตรี ว่า วันนี้ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนต

'เทพไท' ผสมโรง! เอกสาร 'บิ๊กโจ๊ก' ประจาน ระบอบทักษิณ-ยุคคสช. องค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช กองเชียร์พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากระบอบทักษิณ ถึงยุค คสช. องค์กรอิสร