เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบ ตัดชำระหนี้กองทุน กยศ.

25 มี.ค.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับปรับปรุงใหม่เพื่อให้ผู้กู้ยืมได้รับประโยชน์มากขึ้น ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 66 เป็นต้นมา ขณะนี้ทางกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) อยู่ระหว่างการเร่งรัดเพื่อออกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปรับระบบการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ดังกล่าว

ทั้งนี้ รวมถึงการปรับปรุงระบบการตัดชําระหนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายใหม่ได้กำหนดลำดับการชำระหนี้ไว้ในมาตรา 44/1 (3) ที่ให้เงินซึ่งผู้กู้ยืมได้ชำระหนี้มานั้นนำไปหักเงินต้นที่ครบกำหนดชำระก่อน จากนั้นค่อยนำไปหักดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดและเงินเพิ่มตามลำดับ ซึ่งเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปจากระบบการตัดชำระเดิมที่จะตัดที่เบี้ยปรับก่อน ตามด้วยดอกเบี้ย และเงินต้น นอกจากนี้ ตามระบบที่กำลังปรับปรุงยังได้ปรับลดเบี้ยปรับให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่เหลือร้อยละ 0.5 จากเดิมร้อยละ 7.5 ด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ขณะนี้ กยศ. ได้ดำเนินการแจ้งข้อมูลให้ผู้กู้ยืมทราบผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Line Official Account ของ กยศ. โดย กยศ. ได้แจ้งผู้กู้ยืมว่ายอดหนี้ที่มีการชำระตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 66 เป็นต้นมาจะยังไม่เป็นยอดตามกฎหมายใหม่ แต่เมื่อปรับปรุงระบบเสร็จแล้ว กยศ.จะนำยอดชำระทุกรายการตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 66 มาคำนวณการรับชำระอีกครั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ทั้งส่วนของลำดับการตัดชำระ และอัตราเบี้ยปรับ โดยที่ผู้กู้ยืมเงินจะไม่เสียสิทธิอันพึงได้ตามกฎหมายหรือได้รับผลกระทบใดๆ

“หลักเกณฑ์ลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่นี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้กู้ที่มีประวัติผิดนัดชำระซึ่งปกติจะต้องมีเบี้ยปรับเกิดขึ้น จากเดิมเมื่อผู้กู้นำเงินมาชำระจะถูกนำไปตัดเบี้ยปรับก่อน ตามด้วยดอกเบี้ย เหลือแล้วค่อยมาตัดเงินต้น ซึ่งทำให้บางกรณีไม่เหลือเงินมาตัดเงินต้น แต่ตามเกณฑ์ใหม่เงินที่ชำระหนี้เข้ามาจะถูกนำไปตัดเงินต้นที่ถึงกำหนดก่อนเป็นลำดับแรก ส่วนที่เหลือจึงเป็นดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ซึ่งเกณฑ์ใหม่จะทำให้เงินต้นลดเร็ว ลดโอกาสจะเกิดเบี้ยปรับอีก และช่วยให้ชำระหนี้หมดเร็วขึ้นเพราะ กยศ. มีระบบการชำระหนี้แบบลดต้นลดดอก”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนลำดับการตัดชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว พ.ร.บ.กยศ. (ฉบับที่2) พ.ศ.2566 ได้ปรับปรุงกฎหมายเดิมในสาระสำคัญอื่นๆ อีกหลายประการ อาทิ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี อัตราเบี้ยปรับไม่เกินร้อยละ 0.5 ต่อปี การทำสัญญากู้ยืมไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 กยศ. ได้ให้กู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษารวม 6,468,483 คน ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 1,709,850 คนคิดเป็นร้อยละ 26 อยู่ระหว่างชำระหนี้ 3,518,896 คน คิดเป็นร้อยละ 55 อยู่ในช่วงปลอดหนี้ 1,170,063 คน คิดเป็นร้อยละ 18 และเสียชีวิต/ทุพพลภาพ 69,674 คน คิดเป็นร้อยละ 1 ส่วนปีการศึกษา 2566 กยศ. ได้เตรียมวงเงินกู้ยืมกว่า 40,000 ล้านบาท รองรับความต้องการกู้ของนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศประมาณ 6 แสนคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“รมว.นฤมล”ถกบอร์ดจัดการศึกษาคนพิการ เคาะ ตั้งอนุกรรมการ ทบทวน กม.ปรับให้ทันสมัย หนุนเด็กพิการมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2568 ที่กระทรวงศึกษาธิการ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ครั้งที่ 3/2568 โดยมีนายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

รบ.เตือนนักเรียน-นักศึกษาเร่งจัดทำสัญญากู้ยืมเงิน กยศ.

รบ. เตือนนักเรียน นักศึกษา กยศ. เร่งจัดทำสัญญากู้ยืม แบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืม พร้อมย้ำสถานศึกษาต้องแนบไฟล์เข้าระบบ DSL ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พ.ย.

เลขาธิการนายกฯ แจง ครม. ไม่สั่งห้ามกิจกรรมรื่นเริง เพียงขอปรับรูปแบบให้เหมาะสม

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน ได้มีมติให้ภาคเอกชนงดกิจกรรมรื่นเริงเป็นเวลา 30 วัน