กทม. จับมือ สปสช. ชวนประชากรแฝง 7 แสนรายลงทะเบียนใช้สิทธิบัตรทองในกรุงเทพฯ

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมดูแลสุขภาพคนกรุงเทพฯ ผ่าน 3 แนวทาง ได้แก่ 1. เตรียมคลินิกชุมชนอบอุ่น 276 แห่ง รองรับประชากรแฝงกว่า 7 แสนราย ลงทะเบียนใช้สิทธิบัตรทองในกรุงเทพฯ เพื่อได้รับการรักษาใกล้บ้าน ใกล้ใจ 2. เจาะเลือดใกล้บ้าน ลดความแออัดในโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกประชาชน คาดเริ่มได้สิงหาคมนี้ 3. ส่งเสริมใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพฯ

9 ก.ค. 2566 – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีประชากรหนาแน่น ซึ่งตามทะเบียนบ้านอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านคน และยังมีประชากรแฝงอีกจำนวนมาก ทั้งที่เข้ามาทำงาน มาเรียน หรือพักอาศัย ซึ่งความแตกต่างระหว่างข้อมูลประชากรตามทะเบียนบ้านกับประชากรที่มีอยู่จริงทำให้กระทบกับการจัดสรรทรัพยากรและส่งผลให้การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ การจัดระบบดูแลสุขภาพจึงต้องมีความจําเพาะพิเศษ เราได้พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้เราได้ข้อมูลที่แท้จริง เพราะการที่กรุงเทพมหานครจะเป็น Smart City ได้ หัวใจคือต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เราบริหารจัดการได้ดี และส่งผลให้เมืองฉลาดขึ้น

จากการหารือร่วมกับ สปสช. หลายครั้งพบว่า การจะให้ประชาชนย้ายทะเบียนบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการย้ายหรือไม่ย้ายเป็นสิทธิของประชาชนตัดสินใจ แต่เรื่องสุขภาพ เรื่องบัตรทอง เป็นเรื่องที่น่าสนใจและทำได้เร็วกว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้คนที่เป็นประชากรแฝงในกรุงเทพฯ ลงทะเบียน ให้เราได้ทราบว่าตัวตนของประชาชนเหล่านี้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้จัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม เพราะจริง ๆ แล้ว กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบในแง่ปฐมภูมิ คือเป็นด่านแรกที่ผู้ป่วยจะเข้ามาหา หากเรารู้ว่ามีผู้ป่วยที่แท้จริงเท่าไร บัตรทองเท่าไร ประกันสังคมเท่าไร ข้าราชการเท่าไร ก็จะทำให้สามารถบริหารจัดการข้อมูล งบประมาณ และทรัพยากรต่าง ๆ ได้ดีขึ้น จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ โดยมุ่งหวังให้ประชากรแฝงที่อยู่ในกรุงเทพฯ กว่า 7 – 8 แสนคน ลงทะเบียนใช้สิทธิบัตรทอง เมื่อเจ็บป่วยจะได้สามารถส่งต่อผ่านระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้เกิดการลงทะเบียนคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง

โอกาสนี้ ขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือของ สปสช. ซึ่งเป็นมิติที่ดีที่จะทำให้เรามีข้อมูลที่ถูกต้องและบริหารจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะการจัดสรรงบประมาณหลายส่วนจะเป็นไปตามจำนวนประชากร ซึ่งอนาคตก็จะทำให้เราได้งบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่และทำให้เราสามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เชื่อว่าคงจะมีการปรับปรุงรายละเอียดในการดำเนินการต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเป็นลำดับต่อไป

ในส่วนของแนวทางการดำเนินการ ประกอบด้วย การเปิดให้ประชากรแฝงกว่า 7 แสนรายในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน หรือตรงตามที่พักอาศัย เพื่อได้รับการรักษาใกล้บ้าน ใกล้ใจ โดย สปสช. ได้จัดเตรียมเครือข่ายหน่วยบริการ คลินิกชุมชนอบอุ่น 276 แห่ง ไว้รองรับ รวมถึงมีโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อดูแลประชาชนในพื้นที่ และในส่วนของกรุงเทพมหานคร ทางสำนักอนามัยได้เตรียมความพร้อมศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง ทำหน้าที่เป็น Area Manager จัดระบบบริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดนวัตกรรมบริการตรวจใกล้บ้านหรือเจาะเลือดใกล้บ้าน เพื่อช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลและเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่ง สปสช.จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนสิงหาคมนี้ และการส่งเสริมการใช้งบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร เช่น ค้นหาผู้มีภาวะพึ่งพิงป่วยติดเตียงที่จำเป็นต้องใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่จากกองทุนฯ หรือการใช้งบประมาณเพื่อด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อชุมชน เช่น กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพคนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มแม่และเด็ก การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย เป็นต้น

ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้จัดทำนโยบายเพื่อยกระดับบริการสุขภาพให้กับประชาชน อาทิ การขยายโครงการโรงพยาบาล 10,000 เตียง (Home ward) หมอถึงบ้านผ่าน Telemedicine รถตรวจสุขภาพเชิงรุก หรือ Mobile Medical Unit ส่งเสริมกลไกภาคประชาชนสุขภาพดีผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร การรักษาและส่งตัวผู้ป่วยไร้รอยต่อด้วยการบูรณาการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งนโยบายและสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพตามนโยบายให้บรรลุผลสำเร็จได้อีกด้วย

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า จากนโยบายของกรุงเทพมหานครที่ต้องการให้คนทุกคนที่อาศัยในกรุงเทพมหานครได้มีสิทธิรับบริการทางสุขภาพ เป็นนโยบายที่ทาง สปสช. เห็นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาติดปัญหาบางประการ คือ ประชาชนที่อยากลงทะเบียน ไม่มีที่ให้ลง เช่น คนต่างจังหวัดที่ทำงานในกรุงเทพฯ เพียงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เราอยากจะขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในกลุ่มนี้ไปลงทะเบียนที่คลินิกชุมชนอบอุ่นทั้ง 276 แห่ง ใกล้บ้านท่าน ซึ่งเมื่อลงทะเบียนแล้วท่านจะเป็นผู้มีสิทธิและสามารถใช้สิทธิในกรุงเทพมหานครได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน สปสช. โทร. 1330 หรือช่องทางออนไลน์ ได้แก่ ไลน์ สปสช. โดยค้นหาไอดี @nhso หรือไลน์ Traffy Fondue โดยค้นหาไอดี @traffyfondue

เลขาธิการ สปสช. กล่าวด้วยว่า เราได้ดำเนินการนำร่องมาระยะหนึ่งแล้วพบว่าระบบมีความพร้อมและไม่วุ่นวาย นอกจากนี้ ตามที่ท่านผู้ว่าฯ ได้กล่าวไว้ว่า “ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของระบบ” ฉะนั้น หากเราไม่มีข้อมูล การจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ก็จะไม่ง่ายนัก จึงขอความร่วมมือประชาชนมาลงทะเบียน ณ คลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งสามารถลงที่ไหนก็ได้ แนะนำให้ลงใกล้บ้านหรือที่พักอาศัย โดยนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือเปิดแอปพลิเคชัน ThaiD มาเป็นหลักฐานแสดงตัวตนเพื่อขอลงทะเบียน ทั้งนี้ หากประชาชนมีการย้ายที่อยู่บ่อย ใน 1 ปี สามารถเปลี่ยนได้ 4 ครั้ง โดยรองรับการเปลี่ยนทั่วประเทศ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สงกรานต์'รางน้ำ' พิกัดใหม่เล่นน้ำสุดฉ่ำ

สงกรานต์กรุงเทพฯ จุดเล่นน้ำสงกรานต์ยอดฮิตที่มีคนไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างคับคั่งเป็นประจำทุกปี คนจะนึกถึงถนนข้าวสาร เขตพระนคร หนึ่งในย่านท่องเที่ยวและจัดงานเล่นน้ำสงกรานต์ยอดนิยมเสมอมาของกรุงเทพฯ  รองลงมาสงกรานต์สีลมซึ่งปิดถนนให้เล่นน้ำสงกรานต์กันตลอดเส้นสีลม ยังมีพื้นที่ของคนกลุ่มความหลากหลายทางเพศ LGBTQ ที่จัดประกวดเทพีสงกรานต์ เดินขบวนพาเหรด การแสดงศิลป

กทม.เนรมิตเมือง 15 นาทีเป็นจริง สร้างพื้นที่สีเขียวอิ่มเอมใจทั่วกรุง

กทม.ทวีความรุนแรง เมืองจมฝุ่น การจราจรติดขัด ขาดแหล่งอาหาร สำรวจคนกรุงเผชิญรถติดเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง หรือใน 1 ปีชีวิตติดหนึบอยู่บนรถเท่ากับ