รัฐบาลหนุนศึกษาสร้างฐานปล่อยยานอวกาศในไทย

รัฐบาล หนุนศึกษาสร้างฐานปล่อยยานอวกาศในไทยต่อเนื่อง หลังพบไทยมีศักยภาพ 5 ด้านเหมาะสม หวังดันความก้าวหน้าเทคโนโลยีอวกาศ ปั้นรายได้อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องทั้งระบบกว่า 400 อาชีพ ให้คนไทย

6 ส.ค. 2566 – น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนนโยบายอวกาศของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยได้สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างจัดตั้งท่าอวกาศยานในประเทศไทยคือ ฐานสำหรับการส่งและรับยานอวกาศ หรือ spaceport เนื่องจากหากประเทศไทยมีท่าอวกาศยานของเราเอง จะก่อให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอวกาศ ทั้งยังเกิดการสร้างรายได้ทางตรงจากอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ หรือ Aerospace Industry ถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งผลไปถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ จึงเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ศึกษารายละเอียดรอบด้าน อย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุด ทั้งความคุ้มค่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ตั้งแต่ปลายปี2565 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาอีกประมาณ 1-2 ปี โดยเบื้องต้นพบว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่มีความเหมาะสมถึง 5 คุณสมบัติ ได้แก่ 1.การอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร มีผลต่อการนำส่งอวกาศยานที่จะช่วยลดการสิ้นเปลืองของพลังงาน 2.มีทะเลขนาบ 2 ฝั่งซ้าย-ขวา มีมุมปล่อยอวกาศยานได้หลากหลายแบบ 3.มีแนวชายฝั่งที่เป็นคาบสมุทร สามารถกำหนดจุดหรือ Drop Zone ที่ไม่กระทบกับพื้นที่บนฝั่ง และยังสามารถออกเก็บกู้วัตถุที่ตกลงมาได้ง่าย 4.มีระบบโลจิสติกส์ที่เข้าถึงง่าย หลายหลาย มีระบบท่าเรือน้ำลึกและท่าอากาศยาน 5.ไม่มีภัยพิบัติรุนแรง ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสและแนวโน้มที่จะเกิดโครงการนี้ได้จริง

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า หากท่าอวกาศยานในประเทศไทย จัดตั้งได้สำเร็จจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศขนาดใหญ่ นอกจากจะยกระดับวิทยาศาสตร์อวกาศ เทคโนโลยีอวกาสแล้ว ยังส่งเสริมและผลักดัน ธุรกิจอวกาศ อุตสาหกรรมอวกาศ ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ อุตสาหกรรมการผลิตอุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น เกิดอาชีพใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า300-400 อาชีพ อาทิ ช่างประกอบจรวด ช่างประกอบเพย์โหลด ช่างขัดท่อจรวด ช่างอิเล็กทรอนิกส์ระบบจรวด ช่างไฟฟ้าระบบจรวด เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้าจรวด พนักงานขายตั๋วเที่ยวบินไปอวกาศฯลฯ ซึ่งยังไม่เคยมีเกิดขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ล้ำสมัย นำไปสู่ความการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และยังทำให้ประเทศไทย เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจอวกาศแห่งภูมิภาคเอชีย-แปซิฟิกได้ ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

“ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ริเริ่มวางรากฐานพัฒนาด้านอวกาศไทยมาโดยตลอด เช่น ผลักดันให้มี ร่างกฎหมายอวกาศหรือพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. …. และผลักดันให้เกิดแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ.2566 – 2580 (National Space Master Plan 2023 – 2037) ขึ้นเพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศเพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ของประเทศไทย ให้แข่งขันกับนานาประเทศได้”น.ส. ทิพานัน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป บุกตลาดรถอีวีเมืองไทย ส่ง 'ไอออน วาย พลัส' วางจำหน่าย

จีเอซี ไอออน (GAC AION) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ในเครือบริษัท กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป หรือ จีเอซี (Guangzhou Automobile Group หรือ GAC) ประกาศว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ไอออน วาย พลัส (AION Y Plus) จำนวน 100 คัน ได้ถูกขนขึ้นเรือเพื่อออกเดินทางสู่ประเทศไทย

'ทิพานัน' ยกผลงาน 'ประยุทธ์' ผลักดันอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินลอดแม่น้ำเจ้าพระยาสำเร็จในรัฐบาลนี้

"ทิพานัน" ยก “ประยุทธ์” ผลักดันอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินลอดแม่น้ำเจ้าพระยาสำเร็จในรัฐบาลนี้ ชวนปชช. นั่งข้ามเจ้าพระยาใช้เวลาเพียง 2 นาที พร้อมแวะชม 4 สถานีสุดฮิตวิจิตรด้วยสถาปัตยกรรม

'ทิพานัน' เผยผลสำเร็จ 'บิ๊กตู่' หนุนอุตสาหกรรมไบโอพลาสติกเติบโตก้าวกระโดด

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติก

รัฐบาลโต้ 'ภูมิธรรม' ยัน 'บิ๊กตู่' ยึด กม. แต่งตั้งโยกย้าย ขรก.

'ทิพานัน' ขอทุกฝ่ายมั่นใจ 'พล.อ.ประยุทธ์' แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ ยึดประโยชน์สูงสุดเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช้การเมืองนำ