นิด้าโพล ชี้คนไทยไม่กังวลเด็กเกิดใหม่น้อย จี้รัฐดูแลค่าการศึกษา - เลี้ยงดู

1 ต.ค. 2566 – ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “มีลูกกันเถอะน่า” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุระหว่าง 18-40 ปี กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการมีลูกในปัจจุบัน การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงสถานะการแต่งงานและการมีลูก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.39 ระบุว่า เป็นโสดและไม่มีแฟน รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่า แต่งงานจดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว ร้อยละ 20.92 ระบุว่า เป็นโสดแต่มีแฟนแล้ว ร้อยละ 10.99 ระบุว่า แต่งงานไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว ร้อยละ 4.58 ระบุว่า แต่งงานจดทะเบียนสมรสแต่ไม่มีลูก ร้อยละ 2.52 ระบุว่า เป็นแม่หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว (หม้ายที่มีลูกแล้ว โสดและมีลูกแล้ว) ร้อยละ 1.98 ระบุว่า แต่งงานไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ไม่มีลูก และมีคู่ครอง (อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน) และมีลูกแล้ว ในสัดส่วนที่เท่ากัน และร้อยละ 1.07 ระบุว่า มีคู่ครอง (อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน) แต่ไม่มีลูก

เมื่อสอบถามผู้ที่ยังไม่มีลูก (จำนวน 759 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับการอยากมีลูก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 53.89 ระบุว่า อยากมี รองลงมา ร้อยละ 44.00 ระบุว่า ไม่อยากมี และร้อยละ 2.11 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อสอบถามผู้ที่ไม่อยากมีลูก (จำนวน 334 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับสาเหตุที่ไม่อยากมีลูก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 38.32 ระบุว่า ไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก และเป็นห่วงว่าลูกเราจะอยู่อย่างไรในสภาพสังคมปัจจุบัน ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมา ร้อยละ 37.72 ระบุว่า ไม่อยากมีภาระต้องดูแลลูก ร้อยละ 33.23 ระบุว่า ต้องการชีวิตอิสระ ร้อยละ 17.66 ระบุว่า กลัวเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ร้อยละ 13.77 ระบุว่า อยากให้ความสำคัญกับงานมากกว่า ร้อยละ 5.39 ระบุว่า สุขภาพตนเองหรือคู่ครองไม่ค่อยดี ร้อยละ 2.10 ระบุว่า กลัวพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์จะไม่ดี ทำให้ลูกที่เกิดมาไม่ดีไปด้วย และร้อยละ 0.90 ระบุว่า กลัวกรรมตามสนองเนื่องจากเคยทำไม่ดีไว้กับพ่อ แม่

ส่วนความกังวลต่อจำนวนเด็กเกิดใหม่ในอนาคตว่าจะมีน้อยมาก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.53 ระบุว่า ไม่กังวลเลย รองลงมา ร้อยละ 23.13 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล ร้อยละ 17.79 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล และร้อยละ 8.55 ระบุว่า กังวลมาก

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงมาตรการที่รัฐควรสนับสนุนเพื่อให้คนไทยมีลูก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 65.19 ระบุว่า สนับสนุนการศึกษาฟรีในประเทศจนถึงขั้นสูงสุดสำหรับคนมีลูก รองลงมา ร้อยละ 63.66 ระบุว่า รัฐอุดหนุนค่าเลี้ยงดูลูกจนถึงอายุ 15 ปี ร้อยละ 30.00 ระบุว่า ลดภาษีเงินได้สำหรับคนมีลูก ร้อยละ 29.47 ระบุว่า เพิ่มวันลาให้แม่และพ่อในการเลี้ยงดูลูก ร้อยละ 21.91 ระบุว่า มีเงินรางวัลจูงใจที่สูงสำหรับเด็กแรกเกิด ร้อยละ 19.92 ระบุว่า อุดหนุนทางการเงินแม่ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ร้อยละ 17.18 ระบุว่า พัฒนาและอุดหนุนการเงิน ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก ร้อยละ 9.85 ระบุว่า มีบริการฟรี ศูนย์ผู้มีบุตรยาก ร้อยละ 7.48 ระบุว่า เพิ่มภาษีเงินได้สำหรับคนไม่มีลูก ร้อยละ 5.50 ระบุว่า รัฐเปิดช่องทางในการอุ้มบุญมากขึ้น ร้อยละ 4.89 ระบุว่า รัฐมีหน่วยงานจัดหาคู่ให้กับคนไทย ร้อยละ 2.75 ระบุว่า รัฐไม่จำเป็นต้องมีมาตรการใด ๆ และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หรือจะเหนื่อยฟรี! โพลชี้ ‘ทักษิณ’ เคลื่อนไหว ไม่มีผลต่อคะแนนนิยม ‘เพื่อไทย’ ครั้งหน้าก็ยังแพ้

ถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งในครั้งต่อไป พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.98 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย

'นิด้าโพล' ชี้ คนไทย ไม่เห็นด้วยนโยบาย ยาบ้า 5 เม็ด

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ยาบ้า 5 เม็ด กับผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้

‘นิด้าโพล’ เผยข้าราชการเบื่อขั้นตอนปฏิบัติยุ่งยาก แต่ไม่มีแผนลาออก

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เบื่ออะไร?”

เพื่อไทยหนาว นิด้าโพล ชี้ประชาชน หนุนก้าวไกล ยก 'พิธา' เหมาะนั่งนายกฯ

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป