กสม.บี้ 'กรมการปกครอง' เร่งแก้ไขการคืนสถานะบุคคลให้รวดเร็ว!

กสม.ชี้สำนักทะเบียนอำเภอเมืองระนองพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น รวมทั้งคืนรายการทะเบียนราษฎรล่าช้า กระทบต่อสิทธิสถานะบุคคล แนะกรมการปกครองเร่งแก้ไข

02 พ.ย.2566 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)​ เปิดเผยว่า กสม. โดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพื้นที่ภาคใต้ ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 2 คำร้องเกี่ยวข้องกับสิทธิและสถานะบุคคล ดังนี้ คำร้องแรก เป็นกรณีการขอคืนรายการทะเบียนราษฎรของผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ซึ่งถูกจำหน่ายชื่อออกจากรายการทะเบียนราษฎร ตั้งแต่เดือน ก.ย.2554 โดยเมื่อปี 2557 ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อสำนักทะเบียนอำเภอเมืองระนองเพื่อขอคืนรายการทะเบียนราษฎร แต่ไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา เป็นเหตุให้ผู้ร้องร้องเรียนมายัง กสม. เมื่อเดือนมิ.ย 2565 และ กสม. เคยรับเรื่องนี้ไว้ประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังสำนักทะเบียนอำเภอฯ เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาแล้วเมื่อเดือนต.ค. 2565 อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนพ.ย. 2565 ผู้ร้องได้ร้องเรียนมายัง กสม. อีกครั้ง เนื่องจากสำนักทะเบียนอำเภอฯ ยังไม่ดำเนินการคืนรายการทะเบียนราษฎรให้ จึงขอให้ตรวจสอบ

คำร้องที่สองเมื่อเดือนม.ค.2566 ผู้ร้องซึ่งเป็นคนไทยพลัดถิ่นร้องเรียนว่า การขอทราบผลการพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นเป็นไปด้วยความล่าช้า โดยเมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.2558 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องยื่นคำขอให้พิสูจน์และรับรองการเป็นคนไทยพลัดถิ่นต่อสำนักทะเบียนอำเภอเมืองระนอง จนถึงวันที่ผู้ร้องร้องเรียนขอให้ กสม. ตรวจสอบและมีการจัดทำรายงานผลการตรวจสอบฉบับนี้ เป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ผู้ร้องยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาแต่อย่างใด จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องทั้งสองกรณี หลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ได้ให้การรับรองสิทธิของบุคคลที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อหน่วยงานของรัฐและได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยเร็ว ซึ่งหากหน่วยงานของรัฐพิจารณาคำขอของบุคคลผู้ร้องเรียนล่าช้าย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายในทุกแห่งหนตามที่กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ได้ให้การรับรองและคุ้มครองไว้

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงคำร้องแรก กรณีการขอคืนรายการทะเบียนราษฎรล่าช้า กสม. เห็นว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากข้อจำกัดด้านบุคลากรผู้ทำหน้าที่สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนของบุคคลผู้ยื่นคำขอ รวมทั้งขั้นตอนการตรวจสอบ การสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและต้องคำนึงถึงมิติด้านความมั่นคงประกอบด้วย จึงทำให้การพิจารณาคำขอแก้ไขข้อมูลด้านทะเบียนราษฎรต้องใช้เวลา

อย่างไรก็ดี แม้ระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนประวัติสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน พ.ศ. 2562 จะไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคำขอ การตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งการแจ้งผลการพิจารณาไว้ แต่สำนักงานทะเบียนอำเภอเมืองระนอง ควรพิจารณาคำขอและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบภายในเวลาอันสมควร ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาที่วางแนวคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการพิจารณาเพื่อออกคำสั่งของหน่วยงานของรัฐไว้ว่า ควรมีระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่มีบุคคลยื่นเรื่องต่อหน่วยงานของรัฐเพื่อให้พิจารณาออกคำสั่ง โดยเทียบเคียงจากระยะเวลาขั้นสูงในการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 45 ดังนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อสำนักงานทะเบียนอำเภอฯ เมื่อประมาณปี 2557 แต่สำนักงานทะเบียนอำเภอฯ กลับใช้เวลาตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานนานเกินกว่า 8 ปี โดยยังไม่แจ้งผลการพิจารณาให้ทราบ ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลทุกคนที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย จึงเป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

สำหรับคำร้องที่สอง จากการตรวจสอบปรากฏว่า การพิจารณาคำขอเพื่อการพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงการพิสูจน์และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น พ.ศ. 2555 โดยกำหนดกรอบระยะเวลาตั้งแต่การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำขอ สรุปผลการสอบสวน ส่งคำขอพร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้อธิบดีกรมการปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบ และส่งความเห็นให้คณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นพิจารณาคำขอ รวมเป็นระยะเวลาทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบเก้าวัน การที่ผู้ร้องยื่นคำขอให้พิสูจน์และรับรองการเป็นคนไทยพลัดถิ่นตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2558 กระทั่งปัจจุบันกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จนั้น แสดงให้เห็นว่า ระยะเวลาการพิจารณาคำขอฯ ซึ่งถือเป็นการกระทำทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กรณีนี้ ไม่เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนดไว้ และใช้ระยะเวลาเกินสมควรแก่กรณี คือ นานกว่า 8 ปี อันกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องจะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายในทุกแห่งหน เช่นกัน

ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2566 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาจากกรณีคำร้องเรื่องสิทธิและสถานะบุคคลทั้งสองคำร้องข้างต้น สรุปได้ดังนี้

กรณีความล่าช้าในการพิจารณาคำขอคืนรายการทางทะเบียนราษฎร ให้สำนักทะเบียนอำเภอเมืองระนองเร่งรัดพิจารณาคำขอและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบโดยเร็ว และให้กรมการปกครองกำหนดแนวปฏิบัติในการพิจารณาคำขอให้ปรับปรุงแก้ไขรายการทางทะเบียนราษฎร ด้วยการแจ้งความคืบหน้าในการพิจารณาคำขอให้แก่บุคคลที่ยื่นคำร้องทราบเป็นระยะ พร้อมสนับสนุนอัตรากำลังมาทำหน้าที่ในการแก้ไขและตรวจสอบรายการทะเบียนราษฎรให้แก่ผู้ถูกร้องเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณงานด้านการทะเบียนราษฎร ทั้งนี้ ให้นำข้อเสนอแนะ ที่ 2/2564 ลงวันที่ 19 มี.ค.2564 เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสิทธิและสถานะบุคคลกรณีการจำหน่ายรายการบุคคลจากข้อมูลทะเบียนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง กสม. เคยให้ข้อเสนอแนะไว้แล้วมาประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหานี้ด้วย

กรณีความล่าช้าในการพิจารณาคำขอพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ให้สำนักทะเบียนอำเภอเมืองระนอง และสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เร่งรัดพิจารณาคำขอพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น และแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องทราบโดยเร็ว รวมทั้งให้กำหนดแนวปฏิบัติในกระบวนการพิจารณาคำขอดังกล่าวและการแจ้งความคืบหน้าการพิจารณาคำขอให้แก่บุคคลที่ยื่นคำขอทราบเป็นระยะ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนและแก้ไขข้อจำกัดจากการปฏิบัติงานตามกฎกระทรวงการพิสูจน์และการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น พ.ศ. 2555 โดยบริหารจัดการหรือปรับเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามกฎกระทรวงให้แก่เจ้าหน้าที่ และกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ต่อไปเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปฏิบัติการ 'สิงห์ทมิฬ' ทลายสินค้าเถื่อนเมืองภูเก็ต มูลค่าเสียหาย 500 ล้านบาท

กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ "สิงห์ทมิฬ" นำหมายศาลบุกค้น ร้านขายบุหรี่เถื่อน เหล้าเถื่อน กลางเมืองภูเก็ต มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ลักลอบขนเข้าทางเรือ

กสม. เชื่อมีการใช้ 'สปายแวร์ เพกาซัส' เสนอ ครม. สั่งการตรวจสอบ หาทางป้องกัน

กสม. เชื่อมีการใช้สปายแวร์เพกาซัสละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสนอ ครม. สั่งการตรวจสอบ หาทางป้องกันการใช้งานในทางมิชอบ

กสม. แนะ กรมราชทัณฑ์ แก้ไขระเบียบตัดผมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี

กสม. แนะ กรมราชทัณฑ์ แก้ไขระเบียบการตัดผมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ย้ำปฏิบัติให้สอดคล้องกับเพศวิถี วัฒนธรรมความเชื่อและศาสนาผู้ต้องขัง

กสม.ห่วงการละเมิดสิทธิเด็ก นักเรียนรุมทำร้ายกัน-ให้เด็กถอดเสื้อผ้าทำกิจกรรม

กสม. ห่วงการละเมิดสิทธิเด็ก กรณีนักเรียนรุมทำร้ายกันและการให้เด็กถอดเสื้อผ้าในการทำกิจกรรมในโรงเรียน ย้ำโรงเรียนต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย

กสม. จี้หน่วยงานรัฐ เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวทำร้ายร่างกายหมอที่ภูเก็ต คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

เวทีเสวนา กสม. พอใจการบังคับใช้กม.ป้องกันการทรมานฯ หารือ ตร.พัฒนาโรงพักต้นแบบ

เวทีเสวนากสม. พอใจการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทรมานฯแนะสร้างความตระหนัก เสริมการมีส่วนร่วม เข้าเป็นภาคี OPCAT พร้อมหารือ ตร. ยกระดับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาชั้นต้นธาร ร่วมพัฒนาโรงพักต้นแบบไร้การทรมาน