'เศรษฐา' ปลื้มต่อยอดความร่วมมือ 'ไทย-ซาอุฯ'

โฆษกฯ เผยนายกฯ ยินดีความร่วมมือไทย-ซาอุฯ มีผลคืบหน้าเป็นรูปธรรม หลังการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษมีผลใช้บังคับแล้ว

08 พ.ย.2566 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยินดีกับความร่วมมือด้านการกงสุลระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียที่มีผลสำเร็จอย่างรูปธรรม หลังบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและซาอุฯ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษ เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.2566

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ เดินหน้าสานต่อความสำเร็จหลังการฟื้นความสัมพันธ์ประเทศไทยและซาอุฯ โดยเมื่อระหว่างวันที่ 20-21 ต.ค. นายกฯ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอด ASEAN – GCC Summit ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุฯ ในโอกาสการหารือทวิภาคีระหว่างกัน ซึ่งไทยและซาอุฯ ได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือและประเด็นที่คั่งค้างในทุกด้าน รวมถึงประเด็นการเมืองและการกงสุล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์และการไปมาหาสู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ

สำหรับบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มีรายละเอียด ดังนี้ 1.มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางไปราชการชั่วคราว โดยจะต้องเดินทางเข้าเดินทางผ่าน พำนัก และเดินทางออกจากราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียโดยไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลารวมกันไม่เกินกว่า 90 วัน ในช่วงระยะเวลา 180 วัน นับจากวันแรกที่เดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำงานใดของตนเอง หรือกิจกรรมเชิงพาณิชย์ส่วนตัว 

2.ไม่มีผลใช้บังคับกับคนชาติไทยที่จะเดินทางเข้าราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเพื่อประกอบพิธีฮัจย์หรืออุมเราะห์ และ 3.กำหนดให้มีการประสานงานระหว่างกันผ่านช่องทางการทูตเกี่ยวกับการเยือนอย่างเป็นทางการของคนชาติก่อนการเดินทางถึงรัฐใดรัฐหนึ่ง ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอความร่วมมือหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการซึ่งประสงค์จะเดินทางไปราชการที่ซาอุดีฯ โปรดแจ้งกระทรวงการต่างประเทศล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ก่อนวันเดินทาง เพื่อกระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับฝ่ายซาอุดีอาระเบียผ่านช่องทางการทูตตามที่กำหนดในบันทึกความเข้าใจต่อไป

“นายกฯ ยังคงติดตามและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับความร่วมมือกับซาอุฯ ให้คืบหน้า รัฐบาลพร้อมเพิ่มโอกาส และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและซาอุดีฯ ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการค้า การลงทุน ความมั่นคงและการทหาร วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ให้เพิ่มพูน และมีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาสู่ผลประโยชน์ของพี่น้องชาวไทย” นายชัยกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยกระดับผลผลิตทางการเกษตร 6 เดือนแรก ส่งออกข้าวได้ 4.79 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 17.98%

นายกฯ ชื่นชมการทำงานยกระดับผลผลิตทางการเกษตร ยอด 6 เดือนแรกของปี 2567 ส่งออกข้าวได้ 4.79 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 17.98% รวมมูลค่าการค้าถึง 1.1 แสนล้านบาท

นายกฯ เป็นประธานพิธีมหามงคล 5 ศาสนาถวายพระราชกุศล

นายกฯ เป็นประธานพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา ถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567