ชูจุดขายใช้พลังงานสะอาดเป็นจุดแข็งนิคมอุตสาหกรรมไทย จูงใจนักลงทุนต่างชาติ

27 ก.พ.2567- นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งเสริมให้เกิดการนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในภาคอุตสาหกรรมไทย ตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลก ลดต้นทุนการผลิต และยกระดับการให้บริการสาธารณูปโภคสีเขียว(Green Utility) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พร้อมกำหนดให้พลังงานสะอาดเป็นจุดแข็งและจุดขายของประเทศในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยข้อมูลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่าได้นำเสนอข้อมูลความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่และศักยภาพของประเทศในการรองรับการลงทุนจากต่างชาติในกิจกรรมส่งเสริมการลงทุน (Roadshow) ในนิคมอุตสาหกรรมไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 – 11 กุมภาพันธ์ 2567 ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการญี่ปุ่นในการตัดสินใจขยายการลงทุนในไทย รวมทั้งได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการศึกษาความเป็นไปได้ของการให้บริการสาธารณูปโภคสีเขียว (Green Utility) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม กับ บริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น (IHI) และ บริษัท ไอเอชไอ เอเชีย แปซิฟิค (ประเทศไทย) จำกัด (IHIAPT) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมหนัก เช่น โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานทางเลือก การต่อเรือ และอากาศยาน ที่สนใจนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตและการให้บริการในนิคมอุตสาหกรรม โดยความร่วมมือนี้มีจุดประสงค์เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมในไทย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนาม MOU ดังกล่าวเป็นทั้งตัวอย่าง และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) กับประเทศญี่ปุ่นเพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานทดแทน โดยสามารถแบ่งความร่วมมือออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาการให้บริการสาธารณูปโภคสีเขียวโดยใช้พลังงานทดแทนเป็นเวลา 1 ปี ระยะถัดไป การตั้งโรงงานต้นแบบสาธิตที่นำเทคโนโลยีสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิตในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค จังหวัดระยอง และระยะสุดท้าย ได้แก่ การดำเนินการร่วมธุรกิจเชิงพาณิชย์

“นายกรัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในนิคมอุตสาหกรรมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจากการพูดคุยกับบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจดีว่าพลังงานสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบธุรกิจ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการเร่งยกระดับระบบการจัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานทดแทนในนิคมอุตสาหกรรม บูรณาการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคสีเขียว ตลอดจนพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับการให้บริการสาธารณูปโภคสีเขียวเพื่อมุ่งสู่การขับเคลื่อนให้เกิดการประกอบธุรกิจที่คำนึงถึงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายชัย กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

TSB รับโล่เกียรติยศ Climate Action Innovator จาก TGO Forum&TCNN 2025

ไทย สมายล์ บัส รับโล่เกียรติยศ องค์กรผู้พัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก 2025 จาก TGO Forum&TCNN Conference 2025 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Net Zero ด้วยขนส่งสาธารณะพลังงานสะอาด

ครม. เคาะ 3 มาตรการด้านการเงิน ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย พักเงินต้นยกดอกเบี้ย สินเชื่อสร้างอาชีพ กู้ยืมซ่อมบ้าน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยครม.เห็นชอบ 3 นโยบาย

ครม.อนุมัติค่าปลงศพน้ำท่วมสงขลา รายละ 2 ล้าน เคาะงบกลาง 530 ล้าน ฟื้นฟูหาดใหญ่

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มีข้อสั่งการกรณีอุทกภัยที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

น้ำท่วมภาคใต้ เลิกโทษ 'ฟ้าฝน' เพราะนี่คือ 'ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง' ที่ต้องแบกรับซ้ำซาก!

ภู สันเย็น เผยแพร่บทความ เรื่อง น้ำท่วมภาคใต้: เลิกโทษ “ฟ้าฝน” เพราะนี่คือ “ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง” ที่ต้องแบกรับซ้ำซาก! มีเนื้อหาดังนี้

ช่วยครัวเรือนละ 9 พันบาท หลักเกณฑ์ใหม่เยียวยาผู้อาศัยในพื้นที่น้ำล้อมรอบเกิน 7 วัน แม้ไม่ท่วมบ้าน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 เพิ่มเติมตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ