'หมอเหรียญทอง' บันทึกคำไว้อาลัย พ่อแม่ครองรักยาวนาน 75 ปี ก่อนจากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

14 มี.ค.2567 - นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ขออนุญาตบันทึกคำไว้อาลัยถึงแม่ผู้จากไปครับ ผมและพี่น้องเพิ่งสูญเสียพ่อเมื่อวันที่ 14 ก.พ.67 แล้วแม่ของผมก็ตามพ่อไปอย่างติดๆ แม่จากพวกเราไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 การจากไปของแม่ที่ตามพ่อไปอย่างติดๆในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนนั้น ไม่ได้เหนือความคาดคิดของผมและพี่น้อง เพราะแม่ของผมก็ชรามากแล้ว ทั้งยังป่วยด้วยโรคร้ายแรง เรื้อรัง ซับซ้อน เช่นเดียวกับพ่อ

เมื่อพ่อต้องเข้ารับการรักษาใน ไอ ซี ยู รพ.มงกุฎวัฒนะในปลายเดือน ม.ค.67 หลังจากนั้นเพียงสัปดาห์เดียวในต้นเดือน ก.พ.67 แม่ก็เข้ารับการรักษาใน ไอ ซี ยู รพ.มงกุฎวัฒนะตามพ่อมาอย่างติดๆ ทั้งยังอยู่ใน ไอ ซี ยู เดียวกัน ห้องติดกัน แม่คงรู้ว่าพ่อซึ่งนอนอยู่ห้องติดกันจากไปแล้ว แม่ก็คงอยากตามไปอยู่กับพ่อด้วย

พ่อแม่ของผมเป็นคู่รักที่รักกันมาก พบรักกันที่ ‘ศาลเจ้าท่งเฮงตั๊ว’ อยู่ที่ริมคลองดำเนินสดวก ต.หลักเจ็ด อ.ดำเนินสดวก จ.ราชบุรี มีความรักต่อกันยาวนานกว่า 75 ปี

พ่อแม่ของผมเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก ทั้งพ่อและแม่ไม่ใช่ลูกเศรษฐี เป็นแค่ลูกชาวบ้าน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แม่เกิดที่ อ.ดำเนินสดวก จ.ราชบุรี ส่วนพ่อเกิดที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี แต่เติบโตที่ อ.สีคิ้ว นครราชสีมา

พ่อแม่ก่อร่างสร้างตัว สร้างครอบครัวจากความยากลำบาก จนมีฐานะพอสมควร ส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ มากถึง 9 คน ผมเป็นลูกคนที่ 8 เป็นลูกชายคนเดียว

การจากไปของแม่ที่ตามพ่อไปอย่างติดๆในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนนั้น ถึงแม้จะไม่เหนือไปจากความคาดคิดของผมและพี่น้อง และถึงแม้การสูญเสียคนที่เรารักจากความตายนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นความจริงที่พูดง่ายแต่ทำใจยากนะครับ แต่ในที่สุดเราทุกคนก็จะทำใจได้ หรือต้องทำใจให้ได้

ความทุกข์จากความรักและอาลัยก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาเช่นกัน แต่ไม่มีประโยชน์อันใดที่เราจะต้องทุกข์จากการสูญเสียคนที่เรารัก ยิ่งคนที่เรารักเช่นพ่อแม่จากไปโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการเจ็บป่วยอีกต่อไปด้วยแล้ว เรากลับจะต้องสุขใจเสียด้วยซ้ำที่คนที่เรารักไม่ต้องเจ็บป่วยอีกแล้ว

พ่อแม่ไม่ต้องเจ็บป่วยอีกต่อไปแล้ว ทั้งแม่ยังได้ตามพ่อไปอย่างติดๆ ไม่เคยห่างเหินจากกันเลยตลอดชั่วชีวิตคู่รัก คู่ทุกข์ คู่ยาก ยาวนานกว่า 75 ปี...อีกทั้งผมและพี่น้องก็จะดำเนินพิธีการลอยอังคารพ่อและแม่ไปด้วยกันในวันเวลาเดียวกันในวันที่ 21 มี.ค.67 ซึ่งเป็นวันเกิดของผม พวกเราทุกคนขอให้ทั้งพ่อและแม่จงดำเนินสู่สัมปรายภพได้พบกัน ได้เป็นคู่ชีวิต เป็นคู่ทุกข์คู่ยากทุกๆชาติภพ

นพ.เหรียญทอง โพสต์เฟซบุ๊กอีกว่า พ่อแม่ของผมเป็นคู่ชีวิต คู่บุญ คู่กรรม คู่ทุกข์ยาก ยาวนานกว่า 75 ปี มีลูกมากถึง 9 คน การมีลูก 1 คน กว่าจะเลี้ยงลูกๆจนเติบโต ดูแลตนเองได้นั้นลำบากมากนะครับ แล้วการมีลูกมากถึง 9 คนนี่ จะยิ่งลำบากมากมายขนาดไหน

พ่อแม่ไม่ใช่ลูกเศรษฐี พ่อแม่ก่อร่างสร้างตัว ประสบความสำเร้จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ตรากตรำทำงานหนักอย่างมากๆ ต้องหาเลี้ยงชีวิตคู่ 2 คน แล้วยังต้องบวกอีก 9 ชีวิตของลูกๆด้วย กว่าจะได้มีชีวิตคู่รักอย่างอิสระ ไร้พันธะในการส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งพ่อและแม่ก็อายุเกินกว่า 60 ปีไปแล้ว

พ่อแม่ชอบอากาศเย็นสบาย แต่ไม่หนาวจนเกินไปจนถึงกับมีหิมะ พ่อแม่จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองเพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรไม่หนาแน่น

รัฐออสเตรเลียตะวันตก เป็นรัฐที่มีแผ่นดินกว้างขวางมากที่สุดของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลียตะวันตกมีเนื้อที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 6 เท่า แต่กลับมีประชากรทั้งรัฐแค่กว่า 1 ล้านคนเศษ จะมีประชากรหนาแน่นอยู่ที่เมืองเพิร์ธซึ่งเป็นเมืองหลวงไม่ถึง 3 แสนคน(ข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2537 หรือ 30 ปีที่แล้วนะครับ)

ประชากรในเมืองเพิร์ธ มีจำนวนพอๆกับเขตหลักสี่ แต่พื้นที่เมืองเพิร์ธซึ่งเป็นเมืองหลวงของออสเตรเลียตะวันตก มีเนื้อที่กว้างขวางกว่ากรุงเทพมหานครเสียอีก เพิร์ธจึงเป็นเมืองที่พ่อแม่ชอบพักเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนของไทย ดังนั้น มี.ค.- ส.ค. ของทุกๆปี พ่อแม่ของผมก็จะไปอยู่ที่เพิร์ธ เพราะอากาศเย็น

พ่อแม่สามารถเดินทางไปๆมาๆ ระหว่าง เพิร์ธ กับ กรุงเทพฯ ซึ่งใช้เวลาในการบินเดินทางไม่กี่ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯ 7 โมงเช้า ถึงสนามบินเพิร์ธบ่าย 3 ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วเดินทางออกจากสนามบินจนถึงบ้านริมมหาสมุทรอินเดียก็ประมาณ 5 โมงเย็น พ่อแม่มีเวลาได้ยลโฉมต้นไม้โดยเฉพาะดอกกุหลาบที่แม่ชอบปลูก ดอกใหญ่มาก สวยงามเชียวครับ (แม่ปลูกต้นไม้เก่ง) ท่ามกลางฟ้าใส แล้วยังมีเวลาชมพระอาทิตย์ตกทะเล ริมมหาสมุทรอินเดีย จากสนามหญ้าหน้าบ้านหลังเล็กๆ ของพ่อแม่

พ่อแม่มีลูกสาวมากถึง 8 คน การมีลูกสาวมากจึงเป็นบุญของพ่อแม่ที่มีลูกสาวคอยดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ โดยเฉพาะพี่สาวของผมที่ไม่มีบุตรนี่แหละครับ วางแผนสลับเวรดูแลปรนนิบัติพ่อแม่อย่างดีมากๆ จนมีอายุยืนนานกันทั้งคู่

ส่วนตัวผมเองเป็นลูกคนที่ 8 เป็นลูกชายคนเดียว ไม่ได้ดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ ผมทำหน้าที่เป็นผู้บริหารกิจการธุรกิจที่พ่อแม่ลงทุน เพื่อให้มีรายได้จากเงินปันผลเข้าสู่ 'กงสี' ที่มีชื่อว่า 'บริษัท สินทรัพย์แน่นหนา จำกัด' ซึ่งเป็นกองทุนและทรัพย์สินของพ่อแม่ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นกองทุนและกองมรดก สำหรับลูก หลาน เหลน โหลน ได้ใช้กันสืบไป ...นี่คือเจตนารมณ์ของพ่อและแม่

ผมจะทำหน้าที่เสนาธิการวางแผนให้พ่อแม่ในการจัดตั้ง 'กงสี' ที่มีชื่อว่า 'บริษัท สินทรัพย์แน่นหนา จำกัด' เพื่อเป็นกองทุนและกองมรดกทรัพย์สินของพ่อแม่ อย่าเพิ่งจินตนาการว่า 'บริษัท สินทรัพย์แน่นหนา จำกัด' เป็นกองทุนและกองมรดกที่ใหญ่โตมั่งคั่งร่ำรวยกันนะครับ ยังเป็นแค่ 'กงสี' ที่พอมีพอใช้เท่านั้น เพราะเรามีรายได้จากเงินปันผลจากกิจการที่พ่อแม่ลงทุนน้อย แต่ครอบครัวเราดำรงชีวิตสุขนิยมอย่างสมถะ ไม่หรูหรา เรียบง่าย

เมื่อปี พ.ศ.2555 ผมและครอบครัวไปพักอยู่กับพ่อแม่ที่เพิร์ธ ขณะนั้นพี่สาว ลูกคนที่ 2 ของพ่อแม่ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายแล้ว พ่อแม่บอกว่า หากเป็นไปได้ให้ผมวางแผนการพัฒนา รพ.มงกุฎวัฒนะให้มีขีดความสามารถรักษาโรคมะเร็งให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

การพัฒนา รพ.มงกุฎวัฒนะให้มีขีดความสามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้นเป็นเรื่องยากมาก ยากยิ่งกว่าการพัฒนาขีดความสามารถทางการแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ ทั้งการลงทุนที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงเพราะเครื่องมือแพทย์ในการรักษาโรคมะเร็งมีราคาสูงมาก ที่สำคัญยิ่ง คือ บุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรสหวิชาชีพที่หายากขาดแคลน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา 'รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา'

หลังจากการพักผ่อนกับพ่อแม่ที่เพิร์ธ เมื่อปี พ.ศ.2555 ผมเดินทางกลับไทยแล้วไม่ได้ไปพักผ่อนทุกฤดูร้อนกับพ่อแม่ที่เพิร์ธอีกเลย ผมเริ่มวางแผนการพัฒนา รพ.มงกุฎวัฒนะให้มีขีดความสามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างเบ็ดเสร็จตามที่พ่อแม่ฝากไว้

แต่ด้วยเหตุที่ บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่ได้มีเงินทุนมาก ดังนั้นผมจึงวางแผนด้วยการเป็นผู้นำเข้าเครื่องมือแพทย์และเทคโนโลยี โดยจัดตั้งบริษัท วิไลศิริ จำกัด ขึ้นเพื่อเป็นบริษัทลูก หรือบริษัทในเครือให้แก่บริษัทแม่ คือ บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการ รพ.มงกุฎวัฒนะ แล้วขอรับอนุญาตจาก อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เพื่อนำเข้าเครื่องมือแพทย์และเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ประหยัดเงินลงทุนจำนวนมากๆให้แก่ บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการ รพ.มงกุฎวัฒนะได้ด้วยหลักการพึ่งตนเอง นำเข้าเอง ติดตั้งเอง ใช้เอง ซ่อมเอง

ในที่สุดปี พ.ศ.2565 ผมก็สามารถพัฒนา รพ.มงกุฎวัฒนะจนมีขีดความสามารถรักษาโรคมะเร็งได้อย่างเบ็ดเสร็จตามที่พ่อแม่ฝากไว้ก่อนที่พ่อแม่จะจากไปในปี พ.ศ.2567

พ่อแม่ยังแนะนำผมอีกว่า หากเป็นไปได้ให้ผมขยายกิจการสาขามาที่เพิร์ธ แล้วใช้ชีวิตบั้นปลายเช่นเดียวกับพ่อแม่ ทั้งพ่อแม่ และครอบครัวเราไม่มีความคิดที่จะอพยพย้ายถิ่นฐานออกไปจากประเทศไทยนะครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด แค่ใช้ชีวิตหนีลมร้อนไปพักลมเย็นที่เพิร์ธเท่านั้น

ผมเคยบอกแม่ว่าสักวันหนึ่งผมจะเปิด 'ศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา' ที่เพิร์ธ โดยใช้กองทุน 'กงสี' ที่มีชื่อว่า 'บริษัท สินทรัพย์แน่นหนา จำกัด' เป็นผู้ก่อตั้ง ลงทุน หากเป็นไปได้ก็จะขอมติผู้ถือหุ้น 'บริษัท มงกุฎวัฒนะ จำกัด(มหาชน)' ในการเข้าร่วมทุน 'ศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา' ที่เพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตกด้วย โครงการนี้คงจะเกิดขึ้นในยุคลูก 3 คนของผม ส่วนผมคงจะรอคิวตามไปพบพ่อและแม่ในอีกภพหนึ่งถ้ามีจริง ก็จะไปโม้ชิบหายให้พ่อแม่ฟังนะครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ไอ้ตี๋หัวลำโพง ลูกชายคนเดียวของพ่อแม่
14 มี.ค.67 เวลา 11.02 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอเหรียญทอง' หวดสรรพากร เก็บภาษีย้อนหลังร้านบะหมี่สามนิ้ว

นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่าผู้ประกอบการร้านบะหมี่แห่งหนึ่งหลีกเลี่ยงการ

ความฝันอันสูงสุด! 'หมอเหรียญทอง' เปิดใจยืนหยัดสู้คดีหมิ่นสิระ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแล้ว

พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ผมขอความกรุณาจากสังคมออนไลน์ว่า เมื่อผมถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสื่อมวลชนก็เผยแพร่ข่าวสารการจำคุกผมกันอย่างกว้างขวาง

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 10 เดือน 'สิระ' หมิ่นประมาท-บุกรุก รพ.สนาม หมอเหรียญทอง

ศาลแขวงดอนเมือง ศาลได้อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.594/2564 ที่บริษัทมงกุฎวัฒนะ จำกัด ที่ 1 และพล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ที่ 2 โจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิระ เจนจาคะ จำเลย อดีตส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ

'หมอเหรียญทอง' ชำแหละนโยบายลาคลอด 6 เดือน หญิงตั้งท้องจะถูกเลิกจ้างและหางานได้ยากขึ้น

พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า นโยบายลาคลอด 6 เดือนของพรรคการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลเสียต่อลูกจ้าง ดังนี้

โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ อ้างนโยบายขึ้นค่าแรง เบรกรับพนักงานใหม่ แถมปรับลดสวัสดิการทุกรายการ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช. เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กส่วนตัว

'หมอเหรียญทอง' พร้อมจัดเต็ม ตัวแทน รทสช. ร่วมเวทีดีเบตนโยบายสุขภาพที่โคราช

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา คณะทำงานด้านคุณภาพชีวิต พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ถึงแม้ผมจะไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ แต่ผมเป็นนักบริหารและนักวางแผนด้านการแพทย์มืออาชีพ ดังนั้นผมจะเป็นตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช)