4 เม.ย 2567 - เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีที่กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่าพรุแม่รำพึง 18 แปลงให้เอกชน โดยที่หน่วยงานรัฐอื่นๆที่เกี่ยวข้องไม่ออกมาปกป้อง คุ้มครองดูแลที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันถือเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบและละเลยการปฏิบัติหน้าที่ที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ สมาคมฯและชาวแม่รำพึงจึงต้องลุกกันขึ้นมาปกป้องป่าพรุแม่นำพึงแทน
โดยคดีนี้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้นำความมาฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานของรัฐรวม 11 รายต่อศาลปกครองกลางตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่มีกลุ่มนายทุนโรงงานเหล็กพยายามจะเข้ามากว๊านซื้อที่ดินในป่าพรุแม่รำพึง เพื่อนำไปก่อสร้างและขยายโรงงานเหล็ก จนกระทั่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2555 โดยพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า ที่ดินพิพาททั้ง 18 แปลงมิได้อยู่ในแนวเขตนอกป่าสงวนแห่งชาติและป่าชายเลน และมีชาวบ้านยึดถือครอบครองทำประโยชน์แล้ว ซึ่งขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงที่พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่าพรุ มีต้นแสมและต้นไม้นานาพันธุ์ขึ้นเต็มพื้นที่ จะเป็นพื้นที่ที่มีการทำประโยชน์ไปได้อย่างไร สมาคมฯและชาวบ้านผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีไปยังศาลปกครองสูงสุด
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าวันนี้ศาลปกครองกลางได้นัดอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ปรากฎว่าศาลปกครองสูงสุดได้พลิกคำพิพากษาของศาลปกครองกลางจากให้ยกฟ้องเป็นว่า หน่วยงานของรัฐผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากระวางจากภาพถ่ายทางอากาศ(แผนที่ทหาร)ในปี 2519 ปี 2538 และปี 2545 ไม่พบว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท บางแปลงอาจมีร่องรอยการทำประโยชน์อยู่บ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. ของกรมที่ดินจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาสั่งให้เพิกถอนการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 1920, 1921, 1980, 1981, 664, 1179 และ ให้เพิกถอน น.ส.3 เลขที่ 1 และ น.ส.3 ก บางส่วนที่เป็นป่าพรุ เลขที่ 1739, 1173, 1174, 1175, 1829, 1734 และ 1738 เสีย โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่ออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ผลของคำพิพากษาดังกล่าวถือว่าเป็นที่สุดแล้ว หลังจากที่สมาคมฯและชาวแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองโดยใช้ระยะเวลาการต่อสู้คดีมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี หลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำคำพิพากษาไปบังคับคดีต่อไป และสมาคมฯจะนำคำพิพากษานี้ไปยื่นให้ ป.ป.ช.ใช้สอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลปกครองสูงสุด ไม่รับคำขอพิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคล 'แอชตัน อโศก' ชี้ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย
ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคลอาคารชุด แอชตัน อโศก ไว้พิจารณา
ชาวอยุธยา เฮ! ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืน สั่งระงับใช้ท่าเรือขนถ่านหิน-แป้งมัน
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนให้ชาวอยุธยาชนะคดีสั่งระงับใช้ท่าเรือขนถ่านหิน-แป้งมันเกิน 500 ตันกรอส
ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับฟ้องเพิกถอนควบรวม ทรู-ดีแทค
ศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น โดยให้รับคำฟ้องของผู้บริโภค 5 รายในคดีขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) กรณีรับทราบ
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุด จำนวน 4 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งตุลาการศาลปกครองสูงสุด
บ่ายสองโมง! ศาลปกครองสูงสุดชี้ชะตาการขุดเจาะปิโตรเลียมในพื้นที่อ่าวไทย
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 1785/2553
ITV เฮ ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ‘สปน.’ ขอเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ
ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ร้องขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีวี