
นายกฯ ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มุ่งเน้นการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมพื้นที่ทำกินแก่ประชาชน ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ
12 ม.ค.2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ร่วมด้วย
ภายหลังการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า นายกฯ กล่าวในที่ประชุมว่ารัฐบาลมุ่งเน้นให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากที่ดินให้สูงสุด ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือบูรณาการกันของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเร่งให้เกิดการดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ตลอดจนเรื่องของการแก้ไขหรือปลดล็อกกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีกด้วย นอกจากนี้ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการตรวจพิสูจน์สิทธิการครอบครองและการใช้ประโยชน์จากที่ดิน โดยให้ยึดหลักการใช้ข้อเท็จจริงที่รอบด้าน และหลักการการเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ แต่ให้สามารถเข้าใช้ประโยชน์ได้ในการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบในอนาคต พร้อมเน้นย้ำว่าการเสริมสร้างพื้นที่ทำกินให้แก่ประชาชน เป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ ที่สานต่อมาจากการริเริ่มของรัฐบาลที่ได้มีกระบวนการผ่านกลไกคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดผลประโยชน์ระยะยาวต่อประเทศที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้วย
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับมติที่ประชุมสำคัญมีดังนี้ 1. รับทราบผลการดําเนินงานของฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้แก่ การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย 5,566,576 ไร่ ทำให้ประชาชนได้รับการจัดที่ดิน แล้วจำนวน 69,368 ราย ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาอาชีพไปแล้ว 185 พื้นที่ 62 จังหวัด ,การพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐและการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ,การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ,นโยบาย แนวทางการบริหารจัดการที่ดิน อาทิ การจำแนกประเภทที่ดิน และการบริหารจัดการที่ดินของรัฐที่ประชาชนเข้าไปครอบครอง ,การกลั่นกรองกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ,การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่ดิน ,การบริหารงานของ สคทช. อาทิ การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 - 2570) การดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม การสร้างมูลค่าให้กับที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน (Big Rock) และ การดำเนินงานโครงการพัฒนาตัวชี้วัดความสุขชุมชนมวลรวม (GROSS COMMUNITY HAPPINESS : GCH)
2. รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนองและความเห็นของสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมธนารักษ์พิจารณาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
3. รับทราบการจัดงานครบรอบ 1 ปีวันสถาปนาสํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565
4.เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ โดยมีประเด็นนโยบายสำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ 2. การใช้ที่ดินและทรัพยากรดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และ 4. การบูรณาการและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างมีเอกภาพ เพื่อฝ่ายเลขานุการ ฯ จะได้นําเสนอสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีต่อไป
5.เห็นชอบผลการดําเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ ของกลุ่มจังหวัดที่ 2 จํานวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสวรรค์ ระยอง (ยกเว้นกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะ เสม็ด) ลพบุรี ศรีสะเกษ และจังหวัดสระบุรี โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมธนารักษ์ เร่งดำเนินการตามแนวทางต่อไป
6.เห็นชอบการจําแนกประเภทที่ดินจังหวัดนครพนม “ป่าดงเซกา” (หมายเลข 74) เนื้อที่ประมาณ 1,648 ไร่ ให้กรมธนารักษ์ไปดําเนินการและให้กรมพัฒนาที่ดินนําเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
7. เห็นชอบการยกเลิกระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2547
และ 8. เห็นชอบการแก้ไขคําสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในประเด็นการเพิ่มเติมองค์ประกอบเพื่อให้การดําเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี รวม 5 มติ ที่เป็นอำนาจหน้าที่ของ คทช. ตามนัยมาตรา 10 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ตามที่คณะกรรมการจัดที่ดินเสนอ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป อีกทั้ง มอบหมายให้คณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง และมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินพิจารณาเรื่อง การขอให้ทบทวนการจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ และการจำแนกที่ดินจังหวัด (ขอเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเดิมเฉพาะแห่ง) ก่อนเสนอ คทช. ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภูเก็ตวางไทม์ไลน์เลือกตั้ง 5 ม.ค.ประชุมผู้สมัคร 7 ม.ค.ประกาศรายชื่อ
ผอ.กกต.ภูเก็ต ประกาศรายชื่อผู้สมัคร สส. ภายใน 7 มกราคมนี้ และประชุมผู้สมัคร สส.ตกลงกติกาหาเสียง 5 ม.ค.นี้
'อนุทิน' สวมชุดนายกองใหญ่ ลงพื้นที่อีสานใต้ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย สวมชุดนายกองใหญ่ ออกเดินทางไปยัง 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
'อนุทิน' เปิดเพจหาเสียง ประเดิมแจง 3 เหตุไม่ขึ้นเวทีดีเบต
'อนุทิน' เปิดเพจหาเสียง ประเดิมแจงเหตุไม่ร่วมเวทีดีเบต ร่ายยาว 3 ข้อจำกัด เลือกใช้ช่องทางนี้สื่อสารประชาชนแทน
นายกฯ แยกเรื่องถกจีบีซี กับทหารขาขาดราย 9 ชี้หน้าที่กองทัพตอบโต้
นายกฯ ชี้ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดรายที่ 9 คนละเรื่องกับประชุมจีบีซี ส่วนการตอบโต้เป็นหน้าที่กองทัพ
'ธนกร' สั่งปรับแผนช่วยผู้ประกอบการประสบอุทกภัยภาคใต้ 9 จังหวัด เน้นความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อัดมาตรการ 3 ระยะครบวงจร เพื่อให้กลับมายืนได้อย่างเข้มแข็ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ทบทวนมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม กรณีประสบอุทกภัยเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ทส. มอบของขวัญปีใหม่ 2569 เปิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติฟรีทั่วประเทศ เติมสุขประชาชน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เดินหน้ามอบของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2569 ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เปิดให้เข้าชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม พร้อมจัดบริการอำนวยความสะดวกและกิจกรรมส่งความสุขช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย เติมเต็มความสุข และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

