'จิรายุ' ทำหน้าที่โฆษกล่วงหน้าตีปี๊บรัฐบาลต้องยืนเด่นเวทีโลกทุกมิติ

นายกฯ มั่นใจไทยต้องยืนเด่นในเวทีโลกให้ได้ในทุกมิติ หลังเปิดฉากร่วมมือด้าน ศก.ระหว่างประเทศให้เป็นรูปธรรม พร้อมลงนามตั้งบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งเครื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

19 ก.ย.2567 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินหน้ายกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหราชอาณาจักร ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนทางการค้าฉบับแรกในอาเซียน มุ่งขยายการค้า การลงทุน และการจ้างงานกว่า 20 สาขา โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศเข้าหารือ เพื่อเดินหน้ากระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายดักลาส อเล็กซานเดอร์ (The Rt Hon Douglas Alexander) รัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ซึ่งเดินทางเยือนเอเชียครั้งแรกนับตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่ง ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น(Enhanced Trade Partnership: ETP) นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการจ้างงาน ของไทยและสหราชอาณาจักร

ที่ปรึกษาของนายกฯ กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น นับเป็นข้อตกลงความร่วมมือทางการค้าฉบับแรกของรัฐบาลสหราชอาณาจักรชุดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สะท้อนถึงศักยภาพด้านเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานของไทยที่ยังคงน่าสนใจ รวมถึงความมุ่งมั่นในระดับการเมืองของไทยและสหราชอาณาจักร ที่จะขยายความร่วมมือในเรื่องการค้าและการลงทุนรอบด้าน โดยบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้จะรับรองแผนปฏิบัติการที่ระบุถึงกิจกรรมความร่วมมือที่สองฝ่ายจะดำเนินร่วมกันใน 20 สาขาสำคัญ ทั้งด้านยานยนต์ การท่องเที่ยว การลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล บริการทางการเงิน การศึกษา และอื่นๆ อีกมาก

นอกจากนี้ ในระหว่างการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ทั้งสองฝ่ายยังหารือเพื่อร่วมพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจา FTA ระหว่างกัน โดยต่างสนับสนุนการเริ่มเจรจาต่อเนื่องเพื่อขยายการค้า ผ่านการสร้างโอกาสทางธุรกิจโดยการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะในสินค้าศักยภาพของไทย เช่น ไก่แปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน จักรยานยนต์และชิ้นส่วน และเครื่องจักรกล พร้อมทั้งได้เชิญชวนให้นักธุรกิจสหราชอาณาจักรมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เพิ่มเติม

“ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสหราชอาณาจักรเห็นความสำคัญของรัฐบาลไทย และประเทศไทย ในฐานะมิตรประเทศที่สำคัญและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังจะช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้ไทยจากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในสาขาที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงทำให้เกิดการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนยังจะนำไปสู่ข้อตกลงทางการค้าอื่น ๆ รวมถึงการเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ยังได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 321/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนั่งเป็นประธานเอง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชนและการประกอบอาชีพ ด้วย” นายจิรายุกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จิรายุ' เย้ยบอกภูมิธรรมทูลเกล้าฯ ยุบสภาก่อน 2 พรรคจับมือกัน!

'จิรายุ' เชื่อบางพรรค 'โดนหลอกให้รักแล้วหักอกทีหลัง' หลัง 'ภูมิธรรม' ยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ก่อนที่ผลข้อตกลงของ 2 พรรคจะจับมือกันอยู่แล้ว

ศบ.ทก.ถกสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา!

สถานการณ์ในพื้นที่ 7 จังหวัดสถานการณ์ทั่วไปปกติ 'พลเอกณัฐพล' เรียกประชุม คณะกรรมการ ศบ.ทก. เพื่อสรุปสถานการณ์ และพิจารณาข้อเสนอการสร้างรั้วชายแดนไทยกัมพูชา

'ทั่นเต้น' ให้เคารพศาลคดีคลิปอังเคิลแต่บอกหากรัฐบาลล้มก็เข้าทางเขมร!

'ณัฐวุฒิ' ชี้ไม่ว่า 'คดีนายกฯ' 29 ส.ค.นี้จะเป็นอย่างไร ก็ขอทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรม บอกสังคมต้องคิดดีๆ เหตุเป็นความจงใจของ 'คนมีอำนาจกัมพูชา' หากรัฐบาลชุดนี้ล้ม อีกฝ่ายอาจประกาศเป็นความสำเร็จ

'จิรายุ' ซัดเขมรอย่าแถปมทุ่นระเบิดพร้อมขู่ไทยจะเอาผิดทุกช่องทางอีกแล้ว!

'จิรายุ' ซัดเขมรแถลงไม่เกี่ยวกับระเบิดทำทหารเสียขา ยันเป็นกับระเบิดใหม่ที่ลักลอบฝัง ละเมิดอธิปไตยของไทยและข้อตกลงหยุดยิงชัดเจน ย้ำรัฐบาลไทยพร้อมตอบโต้ -เอาผิดทุกช่องทาง

รบ.ตีปี๊บ UNHCR ชื่นชมไทยให้โอกาสให้สิทธิผู้ลี้ภัย

รัฐบาลเปิดโอกาสให้สิทธิผู้ลี้ภัยสู้รบในเมียนมาทำงานได้ ขณะที่ UNHCR ชื่นชมประเทศไทย ถือเป็นต้นแบบในการดูแลมนุษยธรรม และกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น