'พ่อค้าหมูปิ้ง-อดีตแพะคดีชิงเพชร' ลุ้น 20 มกรา ทวงคืนความยุติธรรม

18 ม.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้า กรณี นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 53 ปี พ่อค้าขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง หลังเคยตกเป็นจำเลยในคดีแพะชิงเพชร เมื่อปี 2560 ถึงแม้จะเป็นผู้บริสุทธิ์มีการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ รวมถึงคดีถึงที่สุดแล้ว แต่บาดแผลที่ถูกกระทำจากเจ้านห้าที่รัฐ ยัดเยียดข้อหายังไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือ

ปัจจุบันนายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ ยังขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง ในชุมชนวัดกกต้อง ซอยสุขาวดี เขตเทศบาลเมืองนครพนม เปิดเผยว่าหลังที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุชิงเพชรมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ นำหมายศาลเข้าจับกุมที่บ้านเช่าเลขที่ 1 ในชุมชนวัดกกต้อง ซอยสุขาวดี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์

พร้อมระบุว่ามีนายทุน บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าเพชร แจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ภายหลังตำรวจจึงมีการสืบสวนติดตามมาจับกุมตัวที่ จ.นครพนม และควบคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดี ทั้งที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด และในวันและเวลาดังกล่าวที่อ้างว่าตนเองไปวิ่งราวทรัพย์นั้น มีพยานบุคคลยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม

ทางดเาน น.ส.ดารีวรรณ พ่อวงค์ อายุ 52 ปี ภรรยาและญาติพี่น้องได้ดิ้นรนต่อสู้เข้าร้องทุกข์ไปยังหลายหน่วยงาน รวมถึงกระทรงยุติธรรมและดีเอสไอ เพื่อตามหาความยุติธรรมให้ครอบครัว และนำพยานหลักฐานไปยืนยันเพื่อพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรม โดยทางผู้เสียหายต้องตกเป็นเหยื่อในคดีแพะชิงเพชรถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีนานถึง 7 เดือน 10 วัน กระทั่งศาลอาญาธนบุรีพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวสู่อิสรภาพอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 หลังกระทรวงยุติธรรมได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องของการหาพยานหลักฐานมาหักล้างกับทางผู้กล่าวหา จนได้มาซึ่งอิสรภาพ แต่ทางโจทย์ยื่นอุทธรณ์ต่อและในที่สุดศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษายกฟ้งตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 คดีนี้จึงถือเป็นที่สิ้นสุด

นายพิสิษฐ์ เปิดเผยว่า ในช่วงถูกดำเนินคดี ครอบครัวได้ร้องทุกข์ขอให้ทางกระทรวงยุติธรรม ได้มีการสืบสวน หาพายานหลักฐานเพิ่มเติม จนพบหลักฐานสำคัญที่มาของการออกหมายจับ เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมโยงกับขบวนการโจรกรรมเพชร ที่มีการติดต่อกับผู้เสียหาย แต่ข้อเท็จจริงมีการตรวจสอบพบว่า หลักฐานสำเนาบัตรประชาชนที่คนร้ายนำไปจดทะเบียนใช้ซิมโทรศัพท์ ไม่ได้เอาบัตรประชาชนตัวจริงไปยืนยันตามระเบียบของ กสทช. แต่เป็นสำเนาบัตรประชาชนเก่าที่หมดอายุ และยังเป็นชื่อเดิมของนายพิสิษฐ์คือนายรังสิทธิ์ ทั้งที่มีการเปลี่ยนชื่อมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นที่มาของเอกสารหลักฐานที่ขบวนการฉกเพชรทำขึ้น

รวมถึงหลักฐานสำคัญของโรงพยาบาลนครพนม ที่ระบุว่าวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ตนอยู่ในพื้นที่ จ.นครพนม และมีการไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุที่สมุทรปราการ รวมถึงพยานปากสำคัญอีก 17 ปากที่ยืนยันให้การช่วยเหลือ ถึงแม้จะได้รับความอิสรภาพกลับมาอยู่กับครอบครัว โดยมีทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊คแฟนเพจ Pitbullzone ที่ได้เดินทางมาช่วยเหลือให้กำลังใจ ในการเปิดกิจการร้านส้มตำไก่ย่างในชื่อแพะชิงเพชรปิ้งย่างสร้างชีวิตภายในบ้านเช่า และรับเงินเยียวยาจากกกระทรงยุติธรรมประมาณ 2 แสนบาท

"แต่มันคือความเลวร้ายสุดในชีวิต ทั้งที่ต่อสู้สร้างชีวิตมากับภรรยากว่า 30 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คนอายุ 18 ปี ไม่เคยคิดทำผิดกฎหมาย หรือเอาเปรียบใคร แต่ต้องมาถูกกระทำด้วยความบกพร่องของเจ้าหน้าที่บางคน ถึงแม้จะออกจากเรือนจำ ผลกระทบที่ตามมาคือภาระหนี้สิน รถถูกยึด รายได้ลดลง ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง เพราะการเยียวยาต้องรอระยะเวลาให้กระบวนการยุติธรรม"

นายพิสิษฐ์ เล่าอีกว่าหลังถูกปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ได้กลับมาทำอาชีพขายไก่ย่าง ส้มตำ หมูปิ้ง แต่สิ่งที่ตามมาคือภาระหนี้สิน รถยนต์ถูกยึด ต้องทำงานใช้หนี้ ครอบครัวลำบาก สภาพจิตใจมันคงหลอกหลอนไปจนวันตาย หากไม่คิดถึงพ่อ แม่ ภรรยา ลูก เคยคิดว่าเขาน่าจะฆ่าตนให้ตายตั้งแต่วันแรกที่มาจับไป ไม่ต้องมาเจอสิ่งเลวร้ายขนาดนี้ แล้วถามคืนว่าจับไปทั้งที่ตนไม่ผิด แล้วซ้อมตนทำไม

“ผมผิดอะไร ชีวิตครอบครัวพวกผม มันพังหมดแล้ว มีใครคืนชีวิตที่มีความสุขแบบเดิมให้ได้ สุดท้ายต้องหาเงินจ้างทนายเอง ยื่นฟ้องกลับนายทุน บริษัทเจ้าของธุรกิจขายเพชร รวมจำเลย 2 คน เมื่อต้นปี 2562 ซึ่งศาลอาญาธนบุรี จะมีการพิจารณาตัดสิน ในวันที่ 20 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้”

อดีตแพะคดีชิงเพชร กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้ตนจะหารือทนายความฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงเตรียมร้องทุกข์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีเอาผิดกับตำรวจที่กระทำเกินกว่าเหตุด้วย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งผู้กล่าวหา รวมถึงหน่วยงานตำรวจไม่เคยมาดูแลเยียวยา ไม่มีแม้กระทั่งคำว่าขอโทษ อย่างไรก็ตามตนขอให้ตนเป็นแค่คดีสุดท้าย ไม่อยากให้ใครตกเป็นแพะเช่นนี้อีก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผวาหนัก! คนหาปลาดันเจอ 'ระเบิดตอร์ปิโด' ริมฝั่งโขง

ชาวบ้านหาปลาริมฝั่งโขงนครพนม ผวาหนัก เจอระเบิดสงคราม อยู่ในสภาพใช้งานได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุ คาดว่าระเบิดยุคสงครามอินโดจีน เตือนหนัก หากพบวัตถุต้องสงสัยอย่าเก็บไป ต้องรีบแจ้งทันที

สงกรานต์นครพนม แห่ขอพรพญานาค

นครพนมสุดคึกคัก สงกรานต์แห่ขอพรพญานาค ถนนข้าวปุ้นอุโมงค์น้ำคึกคัก อากาศร้อนแตะ 40 องศาฯ ในเมืองเล่นสงกรานต์เที่ยงคืน

หนึ่งปีมีครั้ง รับจ้างล้างฮวงซุ้ย เทศกาลเช็งเม้ง ไหว้สุสานบรรพบุรุษ

คณะกรรมการสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม ได้จัดเตรียมทำความสะอาดฮวงซุ้ย ด้วยการตัดหญัา และปรับภูมิทัศน์สถานที่ เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดงานเช็งเม้ง ระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-5 เม.ย.67 โดยได้เริ่มมีการทำความสะอาดหลุมฝังศพ คนไทยเชื้อสายจีนกันแล้ว ทำให้บรรยากาศทั่วไปภายในพื้นที่สุสานคึกคักขึ้นมาทันที