นายกฯ กำชับแรงงานดูแลผู้ประกอบการ-ผู้ประกันตน ม. 33 ,39,40 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 41 จังหวัด มั่นใจเป็นส่วนหนึ่งเยียวยาผู้ประสบภัยได้อย่างตรงจุด
16 ต.ค.2567 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้ได้ครบทุกรูปแบบ ล่าสุดกระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 41 จังหวัด รวมทั้งเจ้าหน้าที่และเครือข่ายผู้ประกันตนมาตรา 40
นายจิรายุ กล่าวว่า โดยได้กำหนดมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยปรับลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 และนายจ้างจากร้อยละ 5 ของค่าจ้างต่อเดือน เป็นร้อยละ 3 ของค่าจ้างต่อเดือน และปรับลดการจ่ายเงินสมทบจาก 432 บาทต่อเดือนลดลงเป็น 283 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2567 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 พร้อมขยายระยะเวลาในการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ทั้งหมด 4 งวด ได้แก่ 1.งวดเดือนกันยายน 2567 เป็นภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 2.งวดเดือนตุลาคม 2567 เป็นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 3.งวดเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นภายในวันที่ 15 มีนาคม 2568 และ 4.งวดเดือนธันวาคม 2567 เป็นภายในวันที่ 15 เมษายน 2568
นายจิรายุ กล่าวว่า ในขณะที่ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบในกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้าง โดยได้รับสูงสุดไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน และสำหรับผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไตและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมสำนักงานประกันสังคมได้มีการขยายระยะเวลาวันเริ่มมีสิทธิกรณีบำบัดทดแทนไตและยา Erythropoietin โดยสามารถย้อนหลังเกินกว่า 30 วันก่อนวันผู้ประกันตนยื่นคำขอ และในกรณีฟอกเลือดน้อยกว่าครั้งละ 4 ชั่วโมง และหรือน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้ รวมทั้งสามารถเบิกกรณีฟอกเลือดได้เกินอัตราที่กำหนดเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง และชำระค่าบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไตให้สถานพยาบาลอื่นที่ให้บริการตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด นอกจากนี้ ในกรณีมีค่าบริการทางการแพทย์นอกเหนือจากที่กำหนดสามารถส่งเรื่องหารือคณะกรรมการการแพทย์ได้
นายจิรายุ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน สำนักงานประกันสังคมได้ให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่และเครือข่ายผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ผ่านการมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย จำนวนกว่า 490 ราย พร้อมสนับสนุนรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่ออำนวยความสะดวกการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการเข้าถึงผู้ประสบภัย
“นายกฯ กำชับก.แรงงาน ดูแลพี่น้องแรงงานที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมทั้งบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากจากสถานการณ์น้ำท่วมให้กับผู้ประกอบการ-ผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 รวมไปถึงเจ้าหน้าที่และเครือข่ายผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 41 จังหวัด ผ่านการลดภาระทางการเงิน เสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ มั่นใจจะเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวผู้ประสบภัยได้อย่างตรงจุด” นายจิรายุ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เริ่มแล้ว! ไทย- UNODC จัดประชุมระดับโลกปราบสแกมเมอร์
เริ่มแล้ววันนี้! การประชุมระดับโลกปราบสแกมเมอร์ ไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับ UNODC พร้อมผนึกกำลังกับ 39 ประเทศ สร้างความร่วมมือระดับโลกรับมือปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
รัฐบาลเตือนผู้รับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสกว่า 14 ล้านรีบใช้สิทธิให้หมดในสิ้นปี!
รัฐบาลย้ำเตือนได้รับสิทธิ์ 'คนละครึ่งพลัส' กว่า 14 ล้านคน รีบใช้สิทธิใช้จ่ายเงินผ่านโครงการฯ ให้หมดภายใน 31 ธ.ค. นี้ เชิญชวนร้านค้าถุงเงินในโครงการคนละครึ่งพลัส รีบพัฒนาทักษะสำเร็จ ภายใน 19 ธ.ค.นี้
IRPC และ IRPC OIL ร่วมสนับสนุนบัตรเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับมอบบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 100,000 บาท จาก นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
ปภ. ยืนยันผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา ยื่นขอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทโดยไม่ใช้เอกสาร
ปภ. ยืนยัน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา 9,000 บาท ยื่นคำร้องโดยไม่ต้องใช้เอกสาร รัฐอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนปฏิบัติ ท้องถิ่นจะใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์และการยืนยันจากพื้นที่

