"มาริษ" เผย เมียนมายืนยันจะปล่อย 4 ลูกเรือประมงกลับไทยเร็วๆนี้ ด้านโฆษก กต. ยืนยันใช้กลไก JBC แก้ปัญหาว้าแดงตั้งฐานทัพในไทย ปัดไม่โยงจับลูกเรือประมง
19 ธ.ค.2567 - ที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ เขตสาทร นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าในห้วงการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศเมียนมาและประเทศเพื่อนบ้าน 6 ประเทศ (สปป.ลาว จีน อินเดีย บังกลาเทศ เมียนมา และไทย) ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย รัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมา ถึงความร่วมมืออย่างครอบคลุมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ ประเด็นที่ลูกเรือประมงชาวไทย 4 คน ที่ยังคงถูกรัฐบาลเมียนมาควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้
ซึ่งในวันนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางการเมียนมาแล้วว่า ลูกเรือประมงชาวไทยทั้ง 4 คน จะได้รับการปล่อยตัวกลับไทยในเร็วๆนี้ และเป็นที่ทราบกันดีว่า ในแต่ละประเทศมีขั้นตอนภายในที่ต้องดำเนินการ เช่นเดียวกับไทย แต่ก็ได้รับการยืนยันแล้ว ดังนั้นขอให้รับทราบ แต่ต้องให้เกียรติและให้สิทธิ์กับทุกประเทศ ที่เขาก็มีระบบของเขา เราก็มีระบบของเรา ขณะเดียวกันยังเห็นพ้องว่าไทยและเมียนมาจะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และป้องกันไม่ให้มีปัญหาเช่นนี้อีกในอนาคต
นายมาริษ กล่าวด้วยว่า ตนเองยังได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย เรื่องทางเชื่อม 3 ฝ่ายระหว่างไทย อินเดีย และเมียนมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในเมียนมา ซึ่งต่างเห็นพ้องกันว่าจะเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดใช้เส้นทางดังกล่าวได้โดยเร็ว เนื่องจากมีความสำคัญต่อประชาชนทั้ง 3 ประเทศ และเป็นโครงการที่มีความสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับเอเชียใต้
ด้าน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกองทัพสหรัฐว้า หรือกลุ่มว้าแดงจะเคลื่อนฐานทัพออกจากพื้นที่ชายแดนไทยว่า ในเรื่องนี้จะมีการกลับไปใช้กลไกเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยคงจะมีการหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าจะกลับไปใช้กลไกชายแดน ผ่าน คณะกรรมการเขตแดนร่วม หรือ JBC พร้อมปฏิเสธว่ากรณีกลไกชายแดน ไม่เกี่ยวกับเรื่องการช่วยเหลือลูกเรือประมง เป็นคนละกรณีกัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้รับการยืนยันจากการเมียนมาว่าจะมีการปล่อยตัวโดยเร็ว และไทยก็เคารพในกระบวนการภายในของเมียนมา แต่ประเด็นสำคัญในการพูดคุยกัน คือการมองไปสู่อนาคต เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้น การประสานงานอย่างใกล้ชิดผ่านกลไกที่เคยมีอยู่ใน ในเรื่องน่านน้ำ ก็จะทำให้มีการบังคับใช้ให้เกิดความแน่นแฟ้น และใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาริษ' เยี่ยมสำนักงานใหญ่ผลิตเครื่องบิน 'กริพเพน' ผู้บริหารเล็งตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาซอฟต์แวร์ในไทย
“มาริษ” เยี่ยม สนง.ใหญ่ บริษัท SABB ผลิตกริพเพน ชมนวัตกรรมด้านความมั่นคง ขณะ CEO เผยเล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย สร้างความร่วมมือระยะยาว
เผยภารกิจ 'มาริษ' เยือนสวิส 26-28 ส.ค. เดินสายประจานเขมรไร้มนุษยธรรม ละเมิดทุกกติกาสากล
ศบ.ทก. เผยสถานการณ์ชายแดนทั่วไปทหาร ‘ไทย-กัมพูชา’ยังตรึงกำลังที่ตั้ง ขอบคุณคนไทยส่งกำลังใจแนวหน้า เผยพรุ่งนี้สปน.สั่งจ่ายเงินเยียวยา ‘อุบลฯ’ จังหวัดแรก ยันเร่งแก้ปัญหากระบวนการล่าช้า ชี้ ‘คกก.รักษาความปล
อ้างเป็นความลับ ฟ้อง‘ฮุนเซน’อืด!
เป็นความลับ! “มาริษ” เผยความคืบหน้าฟ้องกัมพูชากับองค์กรระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและศึกษาเคสตัวอย่างจากคดีที่ประสบความสำเร็จ
อดีต สว. ถาม 'มาริษ' เมื่อไหร่จะฟ้องเอาผิด 'ฮุนเซน' หยุดยิงแต่ไม่เก็บกู้ระเบิด
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เขมรเหลี่ยมจัด ลอบกัด ลากต่างชาติ บีบไทยเจรจา GBC หยุดยิงแต่ไม่ยอมเก็บกู้ระเบิดที่แอบวาง ทหารเหยียบระเบิดเจ็บหนักอีก3
โปรดทราบ 'มาริษ' อยู่ระหว่างศึกษาแนวทาง-รวบรวมข้อมูลฟ้องกัมพูชา
รมว.ต่างประเทศ เผยความคืบหน้ารวบรวมหลักฐานฟ้องร้องผู้สั่งการฝ่ายกัมพูชาในระดับองค์กรระหว่างประเทศและในประเทศ พร้อมเตรียมส่งคณะผู้แทนกาชาดสากล ลงพื้นที่สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อติดตามผลกระทบเหตุความรุนแรงล่าสุด
พิชัยถก‘สหรัฐ’ ปมกำ แพงภาษี ไม่ได้พบทรัมป์
"มาริษ" เผยสหรัฐตอบรับเจรจาดีลภาษีกับไทยแล้ว เร่งจัดคิว “พิชัย” บินพบ 3 หน่วยงาน รมว.คลัง พาณิชย์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ไม่ต้องเจอ "ทรัมป์" ด้าน "จุล


