พิชัยถก‘สหรัฐ’ ปมกำ แพงภาษี ไม่ได้พบทรัมป์

"มาริษ" เผยสหรัฐตอบรับเจรจาดีลภาษีกับไทยแล้ว เร่งจัดคิว “พิชัย” บินพบ   3 หน่วยงาน รมว.คลัง พาณิชย์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ   ไม่ต้องเจอ "ทรัมป์" ด้าน "จุลพันธ์" ยันยังไม่เคาะใช้งบ 1.57 แสนล. ไม่เกี่ยวข่าวปรับ ครม.

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนัดเจรจาด้านการค้าและภาษีกับสหรัฐว่า เมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ว่าทางฝั่งสหรัฐมีความพร้อมที่จะเจรจากับประเทศไทย โดยขอให้นัดหมายโดยเร็ว การที่นายพิชัย ชุณหวชิร  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐ พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้สั่งการให้ตนเร่งประสานหาเวลานัดหมายให้นายพิชัยโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะได้วันนัดหมายในเร็ววันนี้

รมว.การต่างประเทศเผยว่า นายพิชัยจะหารือร่วมกับ 3 หน่วยงานหลักของสหรัฐ ประกอบด้วย 1.ผู้แทนการค้าสหรัฐ 2.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ 3.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เพื่อยืนยันแพ็กเกจมาตรการข้อเสนอของประเทศไทย ที่ผู้แทนการค้าสหรัฐมองว่ามีความน่าสนใจ โดยการที่นายพิชัยจะไปเจรจากับ 3 หน่วยงานดังกล่าวนั้น จะเป็นการแยกเจรจาคนละวง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพิชัยต้องไปเจรจากับหน่วยงานอื่นนอกจาก 3 หน่วยงานนี้หรือไม่ นายมาริษตอบว่า เมื่อเจรจากับ 3 หน่วยงานเสร็จ ก็ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้น ไม่ต้องพบกับหน่วยงานอื่นแล้ว  เพราะทั้ง 3 หน่วยงานถือเป็นตัวแทนที่รัฐบาลสหรัฐกำหนดมาให้เป็นตัวแทนเจรจากับทุกประเทศแล้ว และหากนัดหน่วยงานไหนได้ก่อน ก็จะเริ่มเจรจาทันที เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2568 ที่ยังไม่ได้มีการอนุมัติโครงการใช้เงินนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ อย่างแน่นอน โดยเรื่องนี้เป็นอำนาจตรง และเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะคิดหรือทำอย่างไร ตรงนี้คงไม่มีใครมีสิทธิ์ไปก้าวก่าย คนที่มีหน้าที่ทำงานก็ต้องทำไป

ทั้งนี้ ต้องชี้แจงตามข้อเท็จจริงว่า มีหน่วยงานได้ส่งคำขอใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่ผ่านการคัดสรรเข้ามาราวหมื่นโครงการ เป็นเม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาท ทำให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ และต้องยอมรับว่าก็มีหลายโครงการที่ถูกเสนอเข้ามาแต่ไม่เข้ากรอบ โดยหลังจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณเร่งกลับไปทบทวนการคัดเลือกโครงการที่จะใช้เงินอย่างละเอียดและรอบคอบ ก่อนที่จะเสนอกลับมายังที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ในการประชุมครั้งถัดไป

“เม็ดเงินตรงนี้มีความสำคัญ รัฐบาลยอมที่จะบอกกับประชาชนว่าเลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้ว่าจะมีเหตุปัจจัยจากการที่มีหน่วยงานให้ความเห็นบางส่วนที่ค่อนข้างแข็ง รัฐบาลก็พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีเพื่อตอบโจทย์ทุกฝ่าย แต่เมื่อเปลี่ยนมาแล้วก็ต้องนำเงินไปใช้ในโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนจริงๆ เป็นโครงการที่ทำให้เกิดการลงทุนหรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปด้วย มันต้องเร็ว ต้องโดน และต้องได้ผล ดังนั้นการพิจารณาคัดเลือกโครงการจึงต้องดูอย่างรอบคอบ  ก็ให้เวลาสำนักงบประมาณไปดู เช่น โครงการเกี่ยวกับน้ำ มีการทำอะไรบ้าง มีกี่ประเภท โครงการถนน  จะทำให้เกิดการกระตุ้น เกิดการจ้างงานเพียงพอหรือไม่ โครงการฟื้นฟู ทั้งหมดต้องดูให้ครบ ส่วนคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จะประชุมเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับ รมว.การคลังเป็นคนนัด แต่เรื่องนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเร่งด่วน เพราะต้องผูกพันสัญญาก่อน 30 ก.ย. ซึ่งรัฐบาลก็อยากให้เม็ดเงินลงเร็ว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็ว” รมช.การคลังระบุ

สำหรับโครงการที่เสนอเข้ามาแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำ การคมนาคม โครงการขนาดเล็กในท้องถิ่น 2.การพัฒนาชุมชน 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกำลังชะลอตัว และ 4.โครงการที่มีผลต่อการจ้างงานและการกระจายรายได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับความคืบหน้าโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) นั้น รมช.การคลังเผยว่า ล่าสุดได้ไปชี้แจงกับกรรมาธิการวุฒิสภา โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในมุมต่างๆ รวมถึงข้อห่วงใย เช่น เรื่องปัญหาการฟอกเงิน การแก้ไขปัญหาติดการพนัน การจัดทำ entertainment complex ไม่มีกาสิโนได้หรือไม่ ทั้งหมดรัฐบาลได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว โดยยืนยันว่าจะมีกลไกของกฎหมายที่เข้มข้นเข้ามาดูแล และโมเดลที่รัฐบาลจะดำเนินการจะไม่เหมือนเพื่อนบ้าน ที่มีกาสิโนทุกหัวเมือง แต่จะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท ดังนั้นกระบวนการในการกำกับดูแลจึงมั่นใจได้ว่ามีศักยภาพและเข้มข้นอย่างแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.รุกฆาตแพทองธาร อิ๊งค์ซื้อเวลาสู้คดี ศาลรธน.

เป็นไปตามคาด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจกับการที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-รมว.วัฒนธรรม จะยื่นขอ ขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ในคดีถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)