'สภายุโรป' ประณาม 'ไทย' เขย่า FTA นักวิชาการมธ. ชี้น่ากังวลมาก ยกเคส 'ยึดอำนาจ' ทำเจรจาการค้าสะดุด

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้ “รัฐสภายุโรป” ประณาม “ไทย” กรณีการส่งตัวอุยกูร์กลับจีน มีความน่ากังวลอย่างมาก เหตุ EU ยึดสิทธิมนุษยชน-ประชาธิปไตย เป็นหลักการเจรจาทางการค้า ยกเคสปี 57 การทำกรอบความตกลง PCA เคยสะดุดจากรัฐประหาร ชี้บรรยากาศพูดคุยที่ดีกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า อาจไม่เพียงพอสำหรับบรรลุ FTA เพราะรัฐสภายุโรปมีสิทธิในการตัดสินใจด้วย

17 มีนาคม 2568 - หลังจากรัฐสภายุโรปมีมติ 482 เสียง ต่อ 57 เสียง ประณามประเทศไทยกรณีส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับจีน และเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้กลไกการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กดดันประเทศไทยให้ปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ทางรัฐบาลไทยได้แสดงท่าทีด้วยการให้ความมั่นใจว่า มติดังกล่าวไม่กระทบการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU ) พร้อมยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันเร่งรัดเพื่อให้บรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 25 ธ.ค. นี้

รศ. ดร.สุนิดา อรุณพิพัฒน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ผลจากการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับ EU จะมีความสำคัญมากต่อการผ่อนคลายความกดดันทางการค้าของประเทศไทย เนื่องจากไทยพึ่งพาทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนจากประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นหลัก ซึ่งในสถานการณ์ที่ภูมิเศรษฐศาสตร์โลกมีความผันผวนไม่แน่นอน การเปิดตลาดใหม่หรือมีตลาดเพิ่มเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉะนั้นหากรัฐบาลสามารถบรรลุ FTA กับ EU ได้ ก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง

อย่างไรก็ดี จากมติของรัฐสภายุโรปที่ประณามประเทศไทยนับเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากสมาชิกรัฐสภายุโรปมาจากการเลือกตั้งที่ยึดโยงประชาชนแต่ละประเทศ มติที่ออกมาจึงถือเป็นสะท้อนของทุกประเทศในยุโรป นอกจากนี้ที่ผ่านมาก็มีความชัดเจนว่า EU ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และใช้หลักการนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจรจาการค้ากับทุกประเทศ ฉะนั้นท่าทีของรัฐสภายุโรปเช่นนี้จึงนับเป็นการบ้านที่หนักมากของรัฐบาลและคณะเจรจาของประเทศไทย

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า รูปธรรมหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า EU ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในการเจรจาทางการค้าก็คือ กรณีการจัดทำกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย (PCA) ที่เริ่มต้นการเจรจาครั้งแรกในปี 2547 และหยุดชะงักลงในเมื่อปี 2557 จากเหตุการณ์การรัฐประหารในประเทศไทย จนกระทั่งอีก 6 ปี ถัดมาคือในวันที่ 25 ก.ย. 2563 จึงจะกลับมาเริ่มต้นการเจรจากันต่ออีกครั้ง จนสามารถบรรลุการเจรจาทั้งหมดได้ในท้ายที่สุด

“ถ้าสหภาพยุโรปไม่สนใจหลักการสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ถามว่าเหตุใดการเจรจาในปี 2557 ถึงหยุดชะงักลง นี่คือหลักการที่สหภาพยุโรปคำนึงถึงโดยไม่ได้พูดแยกส่วนว่าเป็นหลักของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติ แต่คือหลักการเบื้องต้นของสหภาพยุโรปโดยรวม ซึ่งเป็นกรอบใหญ่ที่ครอบการเจราจาทางการค้าและการเจรจาอื่นๆ ทั้งหมดกับทุกประเทศ ไม่ใช่แค่กับประเทศไทย ที่สำคัญก็คือก่อนจะมีการเจรจา FTA ก็ต้องมาดูสิ่งที่ระบุอยู่ใน PCA ก่อน ซึ่งแน่นอนว่ามีการระบุหลักการเบื้องต้นเหล่านี้เอาไว้เช่นกัน” รศ.ดร.สุนิดา กล่าว

รศ.ดร.สุนิดา กล่าวต่อไปว่า กลไกการตัดสินใจของ EU โดยเฉพาะในเรื่องของการเจรจา FTA นั้น จะเชื่อมโยงกับหลายฝ่าย ทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร และอีก 2 องค์กรที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป และรัฐสภายุโรป การตัดสินใจเชิงนโยบายจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นการเฉพาะ ดังนั้นการที่รัฐบาลให้ข้อมูลว่าได้หารือทางไกลกับ นายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และความโปร่งใส เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างดีมากนั้นอาจไม่เพียงพอ และคงจะบอกว่าฝ่ายนิติบัญญัติไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงคือกลไกของ EU เชื่อมต่อกัน รัฐสภายุโรปก็มีสิทธิและเป็นส่วนหนึ่งในการอนุมัติตัดสินใจ

“เชื่อว่ารัฐบาลทราบดีถึงเรื่องทั้งหมดนี้และเป็นกังวลอยู่ คิดว่าก่อนจะถึงเวทีเจรจาครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มี.ค. – 4 เม.ย. 2568 โดยมีสหภาพยุโรปเป็นเจ้าภาพ รัฐบาลจะพยายามอย่างถึงที่สุดทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการเพื่อทำให้สหภาพยุโรปเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น รวมไปถึงการแสดงความเชื่อมั่นต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับไปประเทศจีน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการบ้านที่หนักมากของคณะเจรจา และต้องให้กำลังใจกัน” รศ.ดร.สุนิดา กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ในประเทศที่เสรีภาพดังขึ้นทุกวัน แต่เสียงของมารยาทเบาลงเรื่อย ๆ

แผ่นดินไทยในยุคนี้เต็มไปด้วยเสียงของการแสดงออก ใคร ๆ ก็พูดได้ คิดได้ โพสต์ได้ และเชื่อว่าการส่งเสียงของตนคือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย

กรรมการสิทธิฯ ออกแถลงการณ์ กังวล 'สว.อังคณา' ถูกข่มขู่คุกคามเพราะความเห็นต่าง

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชัง โดยมีรายละเอียดดังนี้

กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ แถลงป้อง 'อังคณา' ขอทุกฝ่ายรักชาติอย่างมีสติ มีวุฒิภาวะ

กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ แถลงเรียกร้อง รัฐบาล-หน่วยงาน คุ้มครองปัญหาข่มขู่คุกคาม ป้อง "อังคณา" เป็นเพียงผู้ส่งสาร ไม่ควรมีความผิดใด ๆ ขอ ปชช. อย่าปฏิเสธเรื่องสิทธิมนุษยชน หวั่น เสียเปรียบในเวทีโลก วอน ทุกฝ่ายรักชาติอย่างมีสติ

‘อังคณา’ร้องตร.ขอคุ้มครอง

"สว.อังคณา" ควง "สุณัย" ยื่นขอ ผบ.ตร.นำตำรวจคุ้มครองความปลอดภัย หลังถูกขู่ฆ่าเอาชีวิตจากเอฟซี "กัน จอมพลัง" ยันเป็นคนไทย รักชาติไม่น้อยไปกว่าใคร

‘สว.อังคณา-สุณัย’ ยื่นขอ ผบ.ตร.ส่งตำรวจคุ้มครองความปลอดภัย

นางอังคณา กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือถึงผบ.ตร.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ตนถูกคุกคามทางสื่อออนไลน์ โดยมีลักษณะข่มขู่เอาชีวิตต่อตัวเองและครอบครัว รวมไปถึงนายสุณัย ตั้งแต่หลังจากไปออกรายการดังหลายรายการ หลังจากนั้นแฟนคลับของ “กัน จอมพลัง” ก็โจมตีตน ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน