นักวิชาการธรรมศาสตร์ จับตา “กสทช.” เปิดประมูลคลื่นสากล 6 ย่านความถี่ ทั้งที่มีแนวโน้มผู้ประกอบการเข้าร่วมเพียงแค่ 2 ราย ตั้งคำถามคลื่นกระจุกอยู่กับรายใหญ่และการประมูลแข่งขันกันน้อย เหตุบางคลื่นยังไม่หมดสัญญาแต่เปิดช่องให้ประมูลล่วงหน้าได้ แนะควรกำหนดราคาตั้งต้นประมูลให้ใกล้เคียงราคาประเมิน ไม่ต้องลดเพื่อสร้างแรงจูงใจเหมือนในอดีต ชงคลอดแพกเกจดูแลผู้บริโภค จี้มาตรการกำกับ “ผู้มีอำนาจเหนือตลาด” พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ MVNO รายเล็ก เพิ่มทางเลือกประชาชน
18 มีนาคม 2568 - จากกรณีที่ผู้แทนสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แสดงจุดยืนคัดค้านและเรียกร้องให้ชะลอการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (IMT – International Mobile Telecommunications) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2568 รวม 6 ย่านความถี่ เนื่องจากกังวลว่าการประมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคม โดยเฉพาะเมื่อมีผู้มีศักยภาพเข้าร่วมประมูลเพียงแค่ 2 รายหลักเท่านั้น อีกทั้งการประมูลไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนว่าผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุด
ผศ. ดร.พรเทพ เบญญาอภิกุล ผู้อำนวยการโครงการเศรษฐศาสตรบัณฑิต หลักสูตรนานาชาติ และอาจารย์ประจำคณะคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลในประเด็นที่สอดคล้องกับที่สภาผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคแสดงความกังวล เนื่องจากคลื่นความถี่ที่ใช้ในการประมูลครั้งนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก และบางส่วนเป็นการเปิดให้ยื่นประมูลล่วงหน้าทั้งที่คลื่นยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาเดิม เช่น 2100 MHz ซึ่งยังเหลืออายุอีก 3 ปี จึงน่ากังวลว่าคลื่นอาจกระจุกตัวอยู่กับผู้ให้บริการ 2 รายใหญ่ ทั้งที่ยังไม่มีมาตรการส่งเสริมการแข่งขันที่ชัดเจน
ผศ. ดร.พรเทพ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการควบรวมกิจการโทรคมนาคมราว 2 ปีก่อน ได้ส่งให้ผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่มีโอกาสเข้ามาร่วมการประมูลน้อยมาก ทำให้การแข่งขันในการประมูลน้อยลงไปตาม และไม่มีหลักประกันว่าผู้บริโภคจะได้รับบริการที่ดีจากผู้เข้าประมูล 2 ราย จึงข้อเสนอว่า แม้ในอดีต กสทช. มักจะลดราคาตั้งต้นให้ต่ำกว่าราคาประเมินเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาร่วมการประมูล แต่ในครั้งนี้ชัดเจนว่ามีผู้เข้าร่วมน้อยมาก จึงควรกำหนดราคาตั้งต้นประมูลให้ใกล้เคียงกับราคาประเมินเพื่อไม่ให้ภาครัฐสูญเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้โดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ กสทช. จะต้องยืนยันให้ได้ว่าในการประมูลครั้งนี้ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 2 ราย ในประมูลคลื่นมากถึง 6 ย่านความถี่ กสทช. จะสามารถรักษาผลประโยชน์และสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้ เช่น การจัดทำมาตรการด้านราคาที่ยืดหยุ่น หรือการออกแพ็คเกจที่ถูกลงสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงการบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลการแข่งขันอย่างเข้มงวด ตามอำนาจที่ กสทช. มีอยู่เดิม ผ่านการตรวจสอบและกำหนดว่า ผู้ประกอบการรายใดกำลังเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่ จากนั้นให้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกำกับและควบคุมไม่ให้ผู้มีอำนาจเหนือตลาดใช้อำนาจของตนไปในทางที่ไม่ชอบ
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการประมูลคลื่นความถี่สิ้นสุดลง กสทช. ควรจะต้องมีมาตรการในการรองรับเพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค เช่น มาตรการการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบโครงข่ายเสมือน หรือ MVNO ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่มีคลื่นความถี่เป็นของตนเองสามารถให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ โดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงข่ายโทรคมนาคม เช่น เสา หรือเครื่องอุปกรณ์โทรคมนาคม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ MVNO จะต้องเข้าไปทำความตกลงกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีคลื่นความถี่และโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นของตนเองเพื่อขอใช้ airtime (Voice) และบริการข้อมููล (Data) เพื่อมาให้บริการแก่ผู้บริโภคในตลาดค้าปลีก ซึ่งผู้ประกอบการ MVNO ในประเทศไทยมีจำนวนน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ
“ถึงแม้ว่าประเทศเราจะมีผู้ให้บริการรายใหญ่อยู่เพียงแค่ 2 ราย แต่ถ้าเราสามารถที่จะสร้างผู้ประกอบการรายเล็กอย่าง MVNO ที่ไม่ต้องมีเครือข่ายเป็นของตัวเอง ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่สามารถที่จะให้บริการหรือสร้างตลาดที่เป็น ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ได้ขึ้นมา ก็อาจจะเป็นการสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้ ทว่ามาตรการเหล่านี้ก็ยังไม่เห็นท่าทีการผลักดันที่ชัดเจนจาก กสทช.” ผศ.ดร.พรเทพ กล่าว
สำหรับข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ระบุให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นทางเลือกด้านโทรคมนาคมให้ประเทศ ผศ.ดร.พรเทพ กล่าวว่า NT มีศักยภาพที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 ราย ได้น้อย ทั้งส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่ไม่ถึง 10% และคลื่นความถี่ที่ NT ให้บริการก็มีเพียงแค่ 3G ซึ่งในทุกวันนี้ผู้บริโภคโดยส่วนใหญ่ใช้บริการโครงข่าย 4G และ 5G ไปแล้ว หาก NT ต้องการที่จะขยายการให้บริการโครงข่ายก็ต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมผ่านการร่วมมือกับผู้ร่วมลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพและพัฒนาเครือข่ายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ห่วง! น้ำลด แต่ความเครียดยัง 'วิกฤต'
นักวิชาการ มธ. ชี้ ระดับน้ำหาดใหญ่ลด แต่ระดับความเครียดยังวิกฤต เสนอบูรณาการจัดระบบช่วยเหลือด้านจิตใจเร่งด่วน แนะเฝ้าระวังผู้ประสบภัย 3 กลุ่ม ห่วงประชาชนเสพข่าวมากอาจเข้าสู่โหมด Survivol Guilt รู้สึกผิดที่ตัวเองรอดแต่คนอื่นไม่รอด ขณะที่ “ธรรมศาสตร์” จับมือวุฒิสภา-หน่วยงานรัฐ-เอกชน จัดทำฐานข้อมูลน้ำท่วมอย่างเป็นระบบระดับประเทศ
'วิโรจน์' จี้ถาม 'ธปท.-กสทช.' ถ้า ปชช.ดนสแกมเมอร์หลอก จะไปขอหน่วยงานไหนรับเรื่อง
วิโรจน์ บอกมาตรา 8/10 พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับที่ 2 กำหนดให้ธนาคาร และเครือข่ายมือถือร่วมรับผิดชอบ
NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ กสทช. เปิดบริการ ‘สายด่วน 1818’
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้บริการ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน “1818” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
นักวิชาการ มธ. หนุนมาตรการ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก สร้างความเป็นธรรม SME ไทย
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชื่นชม “กรมศุลกากร” เก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่ขายผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ทุกชิ้น ตั้งแต่บาทแรก ระบุเป็น
ทรู สนับสนุนกสทช.และตำรวจ ร่วมสกัดขบวนการ SIMBOX ลดช่องโหว่ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมไซเบอร์ และเสริมมาตรฐานความปลอดภัยดิจิทัลของประเทศ
ทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันภัยไซเบอร์และโทรหลอกลวง. ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัลของประเทศ
เปิด 3 หลักสูตรใหม่ผลิตคน SDGs ช่วงชิงความได้เปรียบให้ไทย ลุย Green Economy มูลค่า 300 ล้านล้าน
“ธรรมศาสตร์” ลมใต้ปีกประเทศไทย ประกาศเปิด 3 หลักสูตรใหม่ ผลิตกำลังคนด้าน SDGs ช่วงชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เสริมกำลัง “รัฐ-เอกชน-อุตสาหกรรม” พร้อมลุย Green Economy มูลค่ากว่า 300 ล้า


