รัฐบาลยัน 'ให้สัญชาติ' กลุ่มชาติพันธุ์ 1.4 แสนราย ไม่ใช่แรงงานต่างด้าว-ผู้หนีภัยสู้รบ

รองโฆษกรัฐบาลย้ำเดินหน้าแก้ปัญหาสถานะคนไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดและอยู่ในไทยเท่านั้น ยึดหลักเกณฑ์เข้ม ป้องกันแสวงหาผลประโยชน์ ยกระดับคุณภาพชีวิตบนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
 
12 กรกฎาคม 2568 - นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล ย้ำการเร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67 ซึ่งได้มีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติ และการสั่งให้คนที่เกิดในราชอาณาจักรไทยและไม่ได้รับสัญชาติไทย โดยมีบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน และได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติและมีข้อมูลในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรไว้แล้ว อาทิ ภาพถ่ายใบหน้า ลายพิมพ์นิ้วมือ ประมาณ 1.4 แสนราย ได้แก่
 
1. บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติกลุ่มต่าง ๆ หรือมีชื่อในทะเบียนบ้าน มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่ขึ้นต้นหลักแรกด้วยเลข 6 และเลขหลักที่หกและเจ็ดเป็นเลข 50 ถึงเลข 72 รวมถึงคนถึงคนที่มีบิดาหรือมารดาเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ มีชื่อในทะเบียนบ้าน มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่ขึ้นต้นหลักแรกด้วยเลข 5 หรือเลข 8 ด้วย
 
2. บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรโดยมีบิดาหรือมารดาได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2548 รวมถึงชาวมอร์แกน โดยคนกลุ่มนี้จะมีชื่อในทะเบียนประวัติ มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักที่ขึ้นต้นหลักแรกด้วยเลข 0 และเลขหลักที่หกและเจ็ดเป็นเลข 89 ซึ่งหมายรวมถึงบิดาหรือมารดาที่ได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติด้วย
 
รัฐบาลขอยืนยันว่า การดำเนินการตามมติ ครม. วันที่ 29 ตุลาคม 2567 มิใช่การให้สัญชาติแก่แรงงานต่างด้าว ผู้มีสัญชาติอื่น หรือผู้หนีภัยจากการสู้รบที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวแต่อย่างใด แต่เป็นการแก้ไขปัญหาความไร้สถานะทางทะเบียนของบุคคลกลุ่มเป้าหมายประมาณ 1.4 แสนราย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และผ่านการจัดทำทะเบียนประวัติอย่างเป็นระบบแล้ว โดยรัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เข้มงวด และตรวจสอบได้ เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดช่องโหว่ในการแสวงหาประโยชน์ และที่สำคัญคือ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีสิทธิอย่างแท้จริงบนหลักของความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์“ นางสาวศศิกานต์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผบ.กองกำลังเทพสตรี ขอบคุณ ตชด. จับกำนันดังชุมพร ลักลอบขนแรงงานเมียนมา

ผบ.กองกำลังเทพสตรี รุดให้กำลังใจ ตชด.ชุดเฝ้าตรวจชายแดนไทย-เมียนมา หลังจับ “กำนันทร” คนดัง กับพวก ฝ่าฝืนเข้าออกนอกประเทศและร่วมกันขนด่างด้าว

'ตรีนุช' เตรียมนำเข้าแรงงานศรีลังกา ทดแทนแรงงานเขมรแห่กลับ

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้แรงงานมาลงทะเบียน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดหายไป ที่เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนที่ผ่านมา

วิจารณ์ขรม! นายจ้างพบปัญหาอื้อ ติดต่อแรงงานผู้ลี้ภัยเมียนมา แต่นายหน้าเข้าถึงง่าย

พบปัญหาอื้อ-จ้างแรงงานในค่ายผู้ลี้ภัย นายจ้างสีขาวแนะตั้งคณะทำงานร่วมแก้ปัญหาต้นถึงปลายน้ำ เผยนายหน้าเข้าไปขนแรงงานแล้ว

10 วัน จ้างแรงงานแค่ 200 คน หลังอนุญาตผู้หนีภัยสู้รบจากเมียนมา ทำงานได้ถูกกฎหมาย

มึนผู้ประกอบการจ้างแรงงานค่ายผู้ลี้ภัยน้อย ผ่านไป 10 วันมีแค่ 200 คน อธิบดีกรมจัดหางานเตรียมลงพื้นที่หาคำตอบ-เผยนิรโทษกรรมแรงงานต่างด้าว 7 แสนคนให้มาขึ้นทะเบียนใหม่-นายจ้างเผยขั้นตอนวกวน-ไม่เบ็ดเสร็จในคราวเดียว

7 จังหวัดชายแดนสถานการณ์ปกติ พบทหารเขมรเคลื่อนไหวบางพื้นที่

รัฐบาลรายงานสถานการณ์พื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาปกติ บ่ายนี้ 'ศบ.ทก.' หารือแนวทางบริหารจัดการแรงงานกัมพูชา พร้อมมาตรการคุมโดรน