ข่าวดี! ผู้ประกันตน ม.33 ตกงานได้เงินชดเชยสูงสุด 9 พันบาท/เดือนไม่เกิน 180 วัน

ข่าวดี! ผู้ประกันตน ม.33 ปรับเพิ่มเงินทดแทนกรณีว่างงาน จากการถูกเลิกจ้างเป็น 60% ไม่เกิน 180 วันรับเงินชดเชยสูงสุด 9,000 บาทต่อเดือน

16 ก.ค.2568 - นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข่าวดีสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ถูกเลิกจ้างหรือว่างงาน หลังราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกฎกระทรวงแรงงานฉบับใหม่ว่าด้วยหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ได้ปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนให้สูงขึ้น เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกันตน และให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งสาระสำคัญของกฎกระทรวงแรงงานฉบับใหม่นี้ คือ ให้ลูกจ้างประกันสังคมได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานจากการเลิกจ้าง เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 60 จากเดิมร้อยละ 50 ส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนสูงสุดไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท จากเดิมสูงสุดเดือนละ 7,500 บาท โดยในระยะเวลา 180 วัน (6 เดือน) จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 54,000 บาท จากเดิมที่จะได้รับสูงสุด 45,000 บาท

สำหรับวิธีลงทะเบียนว่างงาน-เลิกจ้าง เพื่อรับเงินชดเชยจากประกันสังคม ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ลาออก หรือถูกเลิกจ้าง สามารถลงทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th ภายใน 30 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดการจ้างงาน โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้

1.กรณีถูกเลิกจ้าง จะได้เงินช่วยเดือนละ 60% ของเงินเดือนเฉลี่ย อย่างเช่น ถ้าเคยได้เงินเดือน 10,000 บาท ก็จะได้เดือนละ 6,000 บาท โดยจะจ่ายให้ไม่เกิน 6 เดือนใน 1 ปี (รวมกันไม่เกิน 180 วัน) 2.กรณีลาออกเอง หรือหมดสัญญาจ้าง จะได้ 30% ของเงินเดือนเฉลี่ย เช่น ถ้าเคยได้เงินเดือน 10,000 บาท จะได้เดือนละ 3,000 บาท และจะจ่ายให้ไม่เกิน 3 เดือนใน 1 ปี (รวมกันไม่เกิน 90 วัน) และ 3.ในส่วนของคนที่ว่างงานหลายครั้งในปีเดียว เช่น ถูกเลิกจ้าง 1 รอบ แล้วต่อมาก็ถูกเลิกจ้างอีกหรือลาออกอีกครั้ง สามารถขอรับสิทธิได้ทุกรอบ แต่เงินรวมที่ได้รับในปีนั้น จะได้ไม่เกิน 180 วันสำหรับกรณีเลิกจ้าง และไม่เกิน 90 วันสำหรับกรณีลาออก

สำหรับเงื่อนไขการขอรับสิทธิ มีดังนี้ 1.ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในช่วง 15 เดือนก่อนว่างงาน 2.ว่างงานต่อเนื่อง อย่างน้อย 8 วัน 3.ต้องลงทะเบียนผู้ว่างงานผ่านเว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th ภายใน 30 วันหลังออกจากงาน 4.รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์เดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าจะมีงานทำ 5.พร้อมทำงานและไม่ปฏิเสธการฝึกอาชีพที่จัดหาให้ 6.ไม่ถูกเลิกจ้างเพราะความผิดร้ายแรง เช่น ทุจริต ละทิ้งหน้าที่ ฯลฯ และ 7.ไม่ได้รับสิทธิซ้ำในกรณีชราภาพ ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ในการยื่นขอรับสิทธิ ประกอบด้วย 1.แบบคำขอ สปส. 2-01/7 2.หนังสือรับรองออกจากงาน หรือ สปส.6-09 (ถ้าไม่มีสามารถขึ้นทะเบียนได้) 3. สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร (เฉพาะธนาคารที่กำหนด) และ 4.หนังสือคำสั่งเลิกจ้าง (ถ้ามี)

“รัฐบาลมุ่งมั่น สร้างหลักประกันให้กับผู้ประกันตนที่ถูกเลิกจ้างและสูญเสียรายได้ผู้ประกันตนมีรายได้เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่าย โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีสิทธิ สามารถยื่นขอรับเงินผ่านระบบออนไลน์ และสามารถขึ้นทะเบียนและรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th หรือยื่นแบบฟอร์มที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในกระทรวงสาธารณสุข) กรณีเงินทดแทนว่างงาน ไม่สามารถขอย้อนหลังได้ ต้องยื่นขึ้นทะเบียนภายใน 30 วันหลังลาออกหรือถูกเลิกจ้าง หากลาออกหรือถูกเลิกจ้างหลายครั้งในปีเดียว จะนับรวมวันรับเงินสูงสุดไม่เกินที่กำหนด (90 วันสำหรับลาออก / 180 วันสำหรับเลิกจ้าง) โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ซึ่งให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง” นายอนุกูล กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เริ่มแล้ว! ใช้สิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' สั่งฟู้ดเดลิเวอรี

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ผ่านร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ

รบ.เตือนร้านค้า-ผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัสห้ามใช้ผิดวัตถุประสงค์!

รัฐบาลย้ำเตือนร้านค้า-ผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส ห้ามใช้ผิดวัตถุประสงค์ ห้ามซื้อ 'สลากกินแบ่งรัฐบาล -เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด- ผลิตภัณฑ์ยาสูบ' ไม่รับหรือเรียกรับในรูปแบบเงินสด

'อัยรินทร์' ลงสำรวจตลาดลำลูกกาบอกคนละครึ่งพลัสคึกคัก

รองโฆษกรัฐบาลลงพื้นที่สำรวจตลาด 'คนละครึ่งพลัส' อำเภอลำลูกกา วันแรกบรรยากาศคึกคัก คาดตลอดโครงการฯ ทั้งประเทศเงินสะพัดกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท

รัฐบาลกำชับทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกประชาชน ร่วมถวายสักการะพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

นายกฯกำชับทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกแก่ ปชช. ร่วมถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง