ทบ. ยันส่งตัว 'เชลยศึก' คืนกัมพูชา เมื่อสถานการณ์ขัดแย้งยุติโดยสมบูรณ์

ทบ.เผยไทยควบคุมตัวเชลยศึกกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ ยินดีหากองค์กรต่างๆ ต้องการเข้าตรวจสอบ พร้อมส่งตัวกลับเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งยุติโดยสมบูรณ์

8 กันยายน 2568 - จากกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้เผยแพร่ภาพอินโฟกราฟิกพร้อมระบุข้อความว่า “41 วัน แล้วที่ทหารไทยจับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย แต่ยังไม่ปล่อยตัว ในช่วงเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ทันทีหลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ กองทัพไทยได้จับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย จนถึงวันที่ 8 กันยายน 2568 พวกเขาถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายมาเป็นเวลา 41 วัน" นั้น

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ข้อตกลงหยุดยิงที่ไทยและกัมพูชาได้กำหนดร่วมกันไว้ว่าภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพื้นที่นั้น คือฝ่ายไทยยังคงพบว่ากัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ใช้อาวุธโจมตีทหารไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยต้องมีการตอบโต้และป้องกันอธิปไตยของตน ตลอดคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ไม่ปรากฏเสียงการใช้อาวุธในพื้นที่ชายแดน

โดยการควบคุมตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 รายนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ยังมีการสู้รบอยู่ และทางกัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจริง ทำให้ไทยต้องดำเนินการควบคุมตัวเชลยศึกทั้งหมด ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก พ.ศ. 2492 ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นรัฐภาคีที่ให้สัตยาบันร่วมกัน และมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเชลยศึกจะได้รับการส่งกลับเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่กองทัพบกยังได้รับรายงานจากหน่วยทหารในพื้นที่ ว่าพบการกระทำของทหารกัมพูชาที่มีเจตนาในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจพบโดรนลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน, การแสดงท่าทียั่วยุและสนับสนุนให้ประชาชนชาวกัมพูชาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อทหารไทย รวมทั้งการรุกล้ำอธิปไตยไทย ลักลอบเข้ามารื้อลวดหนามหรือลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ของทหารกัมพูชา ที่หวังต่อชีวิตและการสูญเสียของทางฝั่งไทย การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่นั้นยังไม่สิ้นสุดลง แม้สถานการณ์ภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สำหรับการดูแลเชลยศึกนั้น กองทัพบกขอยืนยันว่าได้ดำเนินการตามข้อกำหนดในอนุสัญญาเจนีวาอย่างครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้ามาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ และพบปะพูดคุยกับทางเชลยศึกในพื้นที่ควบคุมรวม 2 ครั้ง ทั้งนี้ หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ต้องการเข้ามาตรวจสอบกระบวนการดูแลและควบคุมตัวเชลยศึก สามารถประสานผ่านกลไกระหว่างประเทศ หรือกองทัพบกได้ตลอดเวลา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568