โฆษกกองทัพไทย ยัน 'กัมพูชา' รับรองเอกสารหลักเขตแดน 'บ้านหนองหญ้าแก้ว' อยู่ในอธิปไตยไทย

“โฆษกกองทัพไทย” ยัน “กัมพูชา” ลงนามเอกสารรับรองหลักเขตพื้นที่ ‘หนองหญ้าแก้ว‘ แล้ว อยู่ในอธิปไตยไทย พร้อมระบุ รั้วลวดหนามไม่ใช่เส้นเขตแดน

23 กันยายน 2568 - พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงกรณีหลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และ หลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วว่า จริง ๆ เอกสารที่เปิดไปเมื่อวานนี้ (22 ก.ย. ) ได้รับมาจากกรมแผนที่ทหาร ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ลงนามร่วมกันระหว่างหัวหน้าชุดตรวจหลักเขตไทย-กัมพูชา โดยมี พล.ท.ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผ่นที่ทหารในปัจจุบัน ในขณะนั้นดำรงยศพันเอกในฐานผู้อำนวยการกองแผนและโครงการกรมแผนที่ทหาร(ฝ่ายไทย) และ นายลาย เซียงลี ปลัดกระทรวงกิจการชายแดนกัมพูชา โดยเอกสารดังกล่าวลงนามร่วมเมื่อปี 2559 และมีการสำรวจร่วมกันในปี 2549 และเสร็จจริง ๆ ใน 74 หลัก ในปี 2550 ซึ่งเอกสารฉบับดังกล่าวถูกนำเสนอในการประชุม JBC แต่ก็ไม่เคยถูกนำเข้าไปอยู่ในวาระ และเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้แนบเอกสารนี้เข้าไป และทั้งสองฝ่ายมีการลงนามรับรองเอกสาร

เมื่อถามว่า หากฝั่งกัมพูชาไม่ยอมรับจะส่งผลอะไรหรือไม่ พล.ต.วิทัย กล่าวว่า “ไม่มีผล เพราะเอกสารก็คือ เอกสาร ในเมื่อเอกสารเข้าที่ประชุมแล้ว เขายอมรับแล้ว แต่ก็ต้องเรียนให้สื่อมวลชนได้เป็นทราบว่า เป็นการรับรองหลักเขต ตามที่ MOU 2543 ได้กำหนดชัดเจนแล้วว่า จากหลักเขตที่ 41 42 43 และ 44 จะใช้เส้นตรงจากกึ่งกลางของหลักเขต

พลตรี วิทัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของหลักเขตที่ยังตกลงกันไม่ได้อย่างเช่น หลักเขตที่ 42 ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จะมีความแตกต่างที่ 80 เมตร ระหว่างหลักเขตที่ไทยยืนยันกับหลักเขตที่กัมพูชาอ้างว่า เป็นหลักเขตของเขา แต่ส่วนหลักเขต 43 จากการสำรวจล่าสุดว่า ปี 2549 พบว่า หลักเขตล้มอยู่ ตอนแรกหาไม่เจอ แต่พอมาเจอพบว่า ถูกดินกลบอยู่ ซึ่งทั้งไทย และกัมพูชามีการปักเสาชั่วคราว มาร์กจุดเอาไว้ ซึ่งถือว่า เป็นการรับรู้ว่า ตรงนั้นคือหลักเขต 43 การที่กัมพูชาระบุว่า ไม่ได้ยอมรับเรื่องเส้นหลักเขตในการประชุม JBC แต่ก็มีการยอมรับเรื่องหลักเขต และใน MOU 43 ระบุว่า จะลากเส้นหลักเขตเป็นเส้นตรงเท่านั้นนอกจากนี้หลักเขต 42 และ 43 ก็มีภาพถ่ายทางอากาศที่ชัดเจนอยู่แล้ว ยืนยันชัดเจนว่า บ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย

ส่วนเรื่องรั้วลวดหนาม ยืนยันว่า รั้วลวดหนามไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่เป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้ชาวกัมพูชาเดินทางข้ามมาได้ เนื่องจากพื้นที่ชายแดนจะมีชาวกัมพูชาข้ามเข้ามาก่อเหตุต่าง ๆ และสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวไทย จึงต้องสร้างรั้วเพื่อกั้นคนไม่ให้ชาวกัมพูชาเข้ามาก่อความเดือดร้อนได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่

‘คนจีน’ถึงคราวซวย! เหยียบทุ่นระเบิดเขมร

กองทัพภาคที่ 1 เผยชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดเขมรที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังลักลอบเข้าเมือง ด้านสถานทูตจีนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ระบุชายชาวจีนอาการทรงตัว

เผยผลตรวจ 'ทุ่นระเบิด' ชาวจีนเหยียบขาขาด ขณะลอบข้ามชายแดนบ้านหนองจาน

จากเหตุการณ์ชาวจีนลักลอบข้ามแดนเหยียบทุ่นระเบิดที่ บ.หนองจาน หน่วยปฏิบัติการเพื่อระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 1 ร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้ลงเพื้นที่ในช่วงบ่ายวันนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งผลการพิสูจน์ทราบ พบเข็มแทงชนวน