โฆษก ก.กลาโหม ยันไทยพร้อมดำเนินการตามกฎหมายหากกัมพูชารุกล้ำแดนไทย ยังไม่ถึงขั้นใช้ยาแรง เน้นใช้มาตรการเบาไปหาหนัก ชี้ IOT กัมพูชาลงพื้นที่เร็ว เป็นเหตุบังเอิญมากกว่า
23 กันยายน 2568 - พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีวันที่ 10 ตุลาคมนี้จะเป็นวันเดดไลน์ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ส่งแผนอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ตลอดแนวจังหวัดสระแก้ว ซึ่งหากฝั่งกัมพูชาดื้อดึงจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง ทางโฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า เรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมายของรัฐบาลไทย หากมีการรุกล้ำอธิปไตยไทยก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายคนเข้าเมือง ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องผลักดันคนกัมพูชาออกไป ซึ่งหากมีการรุกล้ำอธิปไตยก็ต้องดำเนินการจับกุม
พร้อมกล่าวต่อว่า ตามข้อตกลงที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการ ชายแดนส่วนภูมิภาคหรือ RBC ในพื้นที่ได้ไปหารือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้ว่าฯ ทั้งสองจังหวัด อยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่ ซึ่งก็ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน ต้องปล่อยให้ระดับพื้นที่พูดคุยกัน
ส่วนหากยังพูดคุยไม่ลงตัว และฝ่ายไทยจับกุมชาวกัมพูชาจะมีผลอะไรหรือไม่ พลเรือตรี สุรสันต์ ระบุว่า หากเป็นการรุกล้ำอธิปไตยก็มีกฎหมายบังคับใช้ในข้อหารุกล้ำอธิปไตยของไทย ซึ่งไทยสามารถดำเนินการตามกฏหมายได้เลย โดยหากยังมีการรุกล้ำอยู่เหมือนเดิมก็ต้องดำเนินมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารในพื้นที่ดูแลเรื่องของบูรณภาพแห่งดินแดน เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง
ส่วนกรณีที่ฝั่งกัมพูชาอาศัยพาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวหรือ IOT ลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วถึงสามครั้งแล้ว ถือเป็นการมากดดันไทยหรือไม่ พลเรือตรี สุรสันต์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่ผ่านมาก็เหมือนเป็นการ ที่มีการกล่าวหาว่าไทยรุกราน ซึ่งไทยก็มีมาตรการในการปฏิบัติอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ยืนยันไทยดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งตามกฏหมายไทยและกฎหมายสากล
ส่วนกรณีที่คณะ IOT ฝั่งกัมพูชาลงพื้นที่มาเร็วมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการรับลูกกันหรือไม่ พลเรือตรีสุรสันต์ มองว่า การปฎิบัติของ IOT ต้องได้รับการยินยอมจากผู้แทนสมาชิกอาเซียน ที่อยู่ในคณะ IOT ต้องมีการวางแผนคงสามารถจัดตั้งได้อย่างทันที เพราะฉะนั้น มองว่า เป็นช่วงจังหวะดังกล่าวที่มาเจอกันพอดีมากกว่า แต่ทั้งนี้ฝั่งประธานคณะ IOT ฝ่ายไทย ซึ่งเป็นผู้แทนจากมาเลเซีย ได้พูดถึงไทยเป็นอย่างดี ที่ไทยมีความชัดเจน และความยุติธรรมเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวมองว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่าที่มาเจอในจังหวะเดียวกัน
พร้อมบอกว่า ความจริงใจของฝั่งกัมพูชาในการสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เห็นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต้องดูกันต่อไปว่า ระดับผู้บังคับบัญชาของกัมพูชาสามารถควบคุมคนของตัวเองที่อยู่ในระดับล่างได้หรือไม่ ซึ่งไทยต้องการดูความจริงใจ เพราะเรื่องชายแดนไทย ได้พูดคุยกับกัมพูชาทั้งในระดับ GBC และผู้แทนแล้ว ซึ่งต้องดูว่า ฝั่งกัมพูชามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหนในระดับสั่งการ และควบคุมคนของตนเองได้มากน้อยแค่ไหน
พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวว่า ในท้ายที่สุดแล้วเราคงต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะอยู่ร่วมกันด้วยวิธีใดแต่ถ้าเป็นเรื่องของการรุกล้ำอธิปไตยเรื่องนี้ไทยไม่ยอมแน่นอน แต่ถ้าเป็นความพยายามในการสร้างกระแส หรือยั่วยุต่าง ๆ เราต้องอยู่ในความอดทนอดกลั้น แต่ถ้ามีการละเมิดกฎหมายของไทยก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย ส่วนมีโอกาสจะใช้ยาแรงหรือไม่ มองว่า ไทยพยายามรักษาสภาพให้เป็นไปตามข้อตกลง ให้พูดคุยกันให้ได้ก่อน และใช้กฎหมายดำเนินการตามหลักสากลให้ได้ รวมไปถึงใช้ประชาคมโลกกดดันฝ่ายกัมพูชาให้ปฏิบัติตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่


