ทบ.โต้คำแถลงกัมพูชากล่าวหาไทยบุกรุกพื้นที่

ทบ.โต้คำแถลงกัมพูชากล่าวหาไทยบุกรุกพื้นที่ ยันพื้นที่ใดอยู่ในเขตอธิปไตย ฝ่ายไทยมีสิทธิ์โดยชอบในการบังคับใช้กฎหมาย และปกป้องรักษาอธิปไตยของตนเอง

11 ตุลาคม 2568 -กองทัพบกชี้แจงกรณีคำแถลงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ซึ่งมีเนื้อหากล่าวประณามการบริหารจัดการพื้นที่ของจังหวัดสระแก้วและกองทัพไทย โดยอ้างว่าฝ่ายไทยได้บุกรุกเข้าไปในพื้นที่บ้านเปรยจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้างนั้น คือพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในเขตกัมพูชา ดังนั้น การกล่าวหาว่าฝ่ายไทยบุกรุกพื้นที่ จึงถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า การเข้าปฏิบัติในพื้นที่ดังกล่าวของฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน แม้จะเป็นการดำเนินงานภายในเขตอธิปไตยไทย แต่ฝ่ายไทยได้แจ้งประสานอย่างเป็นทางการไปยังฝ่ายกัมพูชาล่วงหน้า ตามกลไกความร่วมมือทวิภาคีในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568

พลตรี วินธัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่ฝ่ายไทยมุ่งขับเคลื่อนความร่วมมือทุกข้อภายใต้กรอบ GBC เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดและการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำของชุมชนกัมพูชาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว แต่กลับไม่ได้เห็นความคืบหน้าใดๆ อย่างเป็นรูปธรรมจากฝ่ายกัมพูชาเท่าที่ควร อีกทั้งยังปรากฏพฤติกรรมที่แสดงถึงความพยายามขัดขวางการดำเนินการของฝ่ายไทย โดยมีฝ่ายทางการกัมพูชาเป็นผู้สนับสนุนมาโดยตลอด

ยืนยันว่าพื้นที่ใดที่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ฝ่ายไทยย่อมมีสิทธิ์โดยชอบในการบังคับใช้กฎหมาย และปกป้องรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนของตน

ซึ่งขณะนี้ กองทัพภาคที่ 1 และหน่วยราชการที่รับผิดชอบ อยู่ระหว่างการเตรียมมาตรการที่เหมาะสม เพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาไปตามความจำเป็นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยจะคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม และกรอบกติกาของสากลเป็นสำคัญ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โคราชเดือด! ถล่มยิงเป้าผู้นำเขมร

สโมสรกีฬายิงธนูโคราชเปลี่ยนเป้าซ้อมเป็นรูปผู้นำกัมพูชา ทั้งฮุน เซน–ฮุน มาเนต รวมถึงโฆษกกองทัพและอินฟลูเอนเซอร์เขมร ลูกค้าแห่ทดลองยิง ระบุเป็นกิจกรรมผ่อน

ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ

โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ

กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน

โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ

'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!

ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต