กกล.บูรพา ทภ.1 เคลียร์ทุ่นระเบิด บ้านหนองหญ้าแก้ว วันที่ 4 พบเพิ่มอีก 2 ทุ่น รวม 7 ทุ่น ขณะที่ มทภ.1 ติดตามความคืบหน้าเก็บกู้ทุ่น ตรวจความพร้อมทางยุทธวิธีของทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ขอบคุณทุกกำลังใจจากมวลชน ถือเป็นพลังที่มีค่าให้ทหารเดินหน้าปกป้องผืนแผ่นดินไทย
13 ตุลาคม 2568 - รายงานข่าวจากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เปิดเผยว่า วันนี้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ในพื้นที่ปฏิบัติการ บ้านหนองหญ้าแก้ว อีกจำนวน 2 ทุ่น เป็นระเบิดชนิดระเบิดอยู่กับที่ MN79 จำนวน 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ที่พิกัด 48PTA 55209 29042 และใกล้กันพบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN จำนวน 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ที่พิกัด 48PTA 55208 29044 โดยทั้ง 2 ลูก ทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้การดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้ง 2 ทุ่น ตามขั้นตอนเรียบร้อย
โดยตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจ มาตั้งแต่ วันที่ 10 ต.ค. 68 - 13 ต.ค.68 ตรวจพบ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมแล้ว 7 ทุ่น แยกเป็นชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN สภาพพร้อมใช้งาน ทั้ง 6 ทุ่น และ ทุ่นระเบิดชนิดอยู่กับที่ MN79 สภาพพร้อมใช้งาน 1 ทุ่น
พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1และผบ.ศปก.ทภ.1 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ ความคืบหน้าของการปฏิบัติภารกิจในทุกภาคส่วน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของภารกิจเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่ปฏิบัติการ บ.หนองหญ้าแก้ว โดย ผบ.ช.พัน.2 ฉก.12 กกล.บูรพา ได้ชี้แจงแผนการปฏิบัติและความคืบหน้าตลอดจนรายงานการตรวจพบทุ่นระเบิดในพื้นที่ ตลอดห้วง 3 วันที่ผ่านมา ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย
โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดและทีมสนับสนุน ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ย้ำว่าภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดนี้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในพื้นที่อธิปไตยของไทย ก่อนส่งมอบให้พี่น้องประชาชนได้ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข มีพื้นที่ทำกินต่อไปได้อย่างปลอดภัย
จากนั้นไปตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยทหารม้าและหน่วยทหารปืนใหญ่ในพื้นที่ในการเตรียมความพร้อมทางยุทธวิธี โดยแม่ทัพภาคที่ 1 ได้มอบสิ่งของเป็นขวัญและกำลังใจพร้อมสอบถามถึงความห่วงใยเกี่ยวกับของครอบครัวของกำลังพล เพื่อหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือคลายความกังวลใจพร้อมทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 1ได้หารือร่วมกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และร่วมตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของเป็นกำลังใจให้กับชุดควบคุมฝูงชนและหน่วยทหารที่ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อประสานความร่วมมือในการปฏิบัติการ ยืนยันความพร้อมในการบูรณาการกับทุกส่วนราชการในการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รับทราบความห่วงใยและความคาดหวังของมวลชนทั้งภายนอกพื้นที่และประชาชนในพื้นที่ขอบคุณที่เชื่อมั่นและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของกองทัพภาคที่ 1 และทุกส่วนราชการตลอดประชาชนจิตอาสา ถือเป็นพลังใจที่มีค่าให้ทหารเดินหน้าปกป้องแผ่นดินไทยอย่างถึงที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
‘คนจีน’ถึงคราวซวย! เหยียบทุ่นระเบิดเขมร
กองทัพภาคที่ 1 เผยชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดเขมรที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังลักลอบเข้าเมือง ด้านสถานทูตจีนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ระบุชายชาวจีนอาการทรงตัว
เผยผลตรวจ 'ทุ่นระเบิด' ชาวจีนเหยียบขาขาด ขณะลอบข้ามชายแดนบ้านหนองจาน
จากเหตุการณ์ชาวจีนลักลอบข้ามแดนเหยียบทุ่นระเบิดที่ บ.หนองจาน หน่วยปฏิบัติการเพื่อระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 1 ร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้ลงเพื้นที่ในช่วงบ่ายวันนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งผลการพิสูจน์ทราบ พบเข็มแทงชนวน
สถานทูตจีนเคลื่อนไหว! เหตุชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลักลอบข้ามชายแดนบ้านหนองจาน
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ชาวจีนได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนเขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ร่วมมือเก็บกู้
ทบ. ชี้เหตุชายจีนเหยียบระเบิด สะท้อนปัญหาทุ่นระเบิดชายแดน ชี้กัมพูชายังวางต่อเนื่องไม่ร่วมมือเก็บกู้ กระทบความปลอดภัยประชาชน
ชายจีนเหยียบกับระเบิดขณะลักลอบเข้าไทย กกล.บูรพารีบส่งทีมเก็บกู้ช่วยชีวิต
เช้ามืด ตชด. ได้ยินเสียงระเบิดจากป่าละเมาะใกล้ถนนศรีเพ็ญ ตรวจด้วยโดรนพบชายจีน คาดลักลอบเข้าประเทศ บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจาน กกล.บูรพาส่งชุดเก็บกู้เข้าช่วยทันที ก่อนประสาน ตม. ดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป


