“แม่ทัพกุ้ง” ชี้ ปราสาทตาควาย ต้องให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบันดำเนินการ มั่นใจแก้ไขได้ ยอมรับใช้ “ไลดาร์” สำรวจ ไทยมีได้-มีเสีย ต้องแจงประชาชน มองกัมพูชาตระบัตสัตย์ หากวางทุ่นระเบิดใหม่ ต้องเก็บหลักฐานประท้วงประชาคมโลก ย้ำ “มูลนิธิแม่ทัพกุ้ง” ยังก่อตั้งไม่เสร็จ เตือนระวังถูกหลอกโอนเงิน
6 พฤศจิกายน 2568 - ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะปราสาทตาควาย ว่า เรื่องนี้ต้องให้ผู้ที่มีอำนาจในปัจุจุบันเข้าไปดำเนินการแก้ไข และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งตนมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้
พร้อมย้ำเป็นกำลังใจให้ทหาร ผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะร่วมกันแก้ปัญหาในจุดนี้ พร้อมยืนยันปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ และมองว่าควรจะเริ่มจากมาตรการเบาคือการพูดคุยกันก่อน เข้าสู่โต๊ะเจรจาก่อนเป็นลำดับแรก
ส่วนที่ตอนนี้มีประชาชน บางส่วนมองว่าให้ตีเอาปราสาทตาควายคืนมากลับบางส่วนให้รอก่อน โดยใช้เทคโนโลยีในการวัดพื้นที่ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทั้ง 2 วิธีนี้น่าจะเดินคู่กันได้ ซี่งไรดาร์ เป็นฝ่ายเทคนิค เราต้องคุยกับกรมแผนที่ทหาร ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ ถ้าใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ยุติธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอย่างไร ต้องคุยกันให้เข้าใจถึงจะใช้วิธีนั้น ส่วนตาควายจะได้มาวิธีใด ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เชื่อมั่นว่าผู้ใหญ่คงต้องคุยกัน เริ่มจากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่ทำหนังสือประท้วง ยกหูโทรศัพท์คุยกัน ส่วนการใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย ซึ่งต้องมีผลกระทบหลายอย่าง ก็ต้องเป็นข้อตกลงใจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน
เมื่อถามว่า การใช้ไรดาห์ จะทำให้เราได้ปราสาทตาควายกลับคืนมา ใช่หรือไม่พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ต้องไปถามจากฝ่ายเทคนิค เพราะเท่าที่ทราบไรดาห์เป็นเทคนิคใหม่ ใช้ดาวเทียมเชื่อมโยงสันปันน้ำหลายจุดให้ต่อกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้กรมแผนที่ทหาร เข้ามาชี้แจง และมาพูดคุยกันว่าหากใช้ไรดาห์ผลประโยชน์ของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ต่างฝ่ายต่างยึดแผนที่ของตัวเองจะทำอย่างไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า มันขึ้นอยู่กับกายภาพ ภูมิประเทศ เป็นเนินเป็นที่สูง แต่ชัดเจนเป็นเขตพื้นที่ประเทศไทยอยู่แล้ว ปีนเขาขึ้นมาอยู่ประเทศไทยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ต้องคุยกัน
“การใช้เทคโนโลยีไรดาห์ในการสำรวจเส้นเขตแดน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นดำเนินการ ซึ่งการจะเริ่มดำเนินการ ต้องได้รับความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายเทคนิคจะคุยในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร โดยดูว่าผลประโยชน์ที่จะเกิดกับประเทศชาติเป็นอย่างไร”
เมื่อถามว่า มีคนค้านว่าใช้เทคโนโลยีนี้อาจจะทำให้ไทยสูญเสียบางส่วน พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ในกรณีที่ไม่เอาความเป็นจริงในปัจจุบัน ก็มีทั้งเสีย และได้ ดังนั้นต้องไปดูว่าฝ่ายเทคนิคคุยกันอย่างไร โดยคนที่จะให้เหตุผลกับประชาชน ก็ต้องไปคุยกับฝ่ายเทคนิคว่าเมื่อทำไรดาห์แล้ว อะไรที่ได้ และอะไรที่ไม่ได้ ขณะที่ไทยอยู่อย่างไร และทางกัมพูชาอยู่อย่างไร จะได้หรือเสียตรงไหน เทียบกันแล้วกี่ตารางกิโลเมตร
ส่วนที่ทหารกัมพูชาพยายามสร้างทางขึ้นมาที่พลาญหินแปดก้อน ใกล้กับภูมะเขือ จ.ศรีาะเกษ จะเป็นการรุกเอาพื้นที่ของไทยหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผบ.หน่วย และทหารในพื้นที่ต้องดูข้อเท็จจริง ว่าเขาทำขึ้นมาในเขตพื้นที่เขาหรือไม่ และผิด MOU 43 หรือไม่ เพราะไม่มห้มีการก่อสร้างใกล้เส้นเขตแดน หรือจุดที่ยังไม่ได้ตกลงกัน ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใดใดที่ทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงตรงนี้ก็ต้องประท้วงและยืนยันไม่ให้เคลื่อนไหว
เมื่อถามย้ำว่า แต่การประท้วงดูเหมือนจะไม่ได้ผล พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้บังคับหน่วยในห้วงนั้นที่จะเจรจา
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ โดยเฉพาะความจริงใจในการแก้ปัญหาของฝ่ายกัมพูชา นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แม่ทัพ 2 คนปัจจุบัน ได้ทำตามนโยบาย และกรอบการเจรจาระหว่างกันอยู่แล้ว ทั้ง GBC และ RBC ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือการถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ แต่ความจริงใจในการแก้ปัญหาจะต้องขึ้นอยู่กับ ผบ.หน่วยในพื้นที่ และผู้นำกัมพูชา ว่าจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ พื้นที่ตรงไหนที่เรายืนยันว่าต้องถอนกำลังก็ต้องถอน และต้องยืนยันอย่างหนักแน่น ซึ่งผู้นำทุกระดับต้องคุยกัน
เมื่อถามว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเริ่มมีความกังวลว่าความเสียสละที่ผ่านมาจะไร้ค่า หากการเจรจาในอนาคตไม่มีผล พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าผู้บังคับบัญชา และรัฐบาล จะไม่ถอย ส่วนการทวงคืนพื้นที่ของไทย เชื่อว่าทุกฝ่ายมุ่งมั่นดำเนินการอยู่แล้ว พร้อมฝากถึงญาติผู้เสียชีวิตให้เชื่อมั่นว่าแผ่นดินที่เราได้มาจากการเสียสละ จะอยู่อยู่กับเราตลอดไป
ส่วนกรณีที่พบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณช่องอานม้า และไม่ให้ความสนับสนุนในการเก็บกู้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แสดงว่าเขาสะบัดสัตย์ต่อการลงนาม เพราะบอกเองว่าจะให้ความร่วมมือกับทาง UN และร่วมลงนามกับสหรัฐอเมริกาซึ่งสหรัฐฯ ก็ให้งบประมาณกัมพูชามาด้วย ตอนนี้ก็ต้องไปดูว่าเขาวางใหม่จริงหรือไม่ มีหลักฐานที่จะประท้วงต่อประชาคมโลก หรือไม่ เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติจริง
สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งมูลนิธิแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังไม่ได้รับการอนุมัติหรือประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังไม่เป็นทางการ แต่จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะอยากช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ และผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนจะช่วยประเทศชาติได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีหมายเลขบัญชีอย่างเป็นทางการ จึงอย่าเพิ่งโอนงบประมาณมาช่วย เพราะอาจจะถูกหลอกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แม่ทัพกุ้ง' ลงใต้ ให้กำลังใจชาวหาดใหญ่ เยี่ยมเจ้าหน้าที่จิตอาสาเร่งฟื้นฟูเมือง
"แม่ทัพกุ้ง" อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ลงใต้ส่งกำลังใจให้ชาวคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่


