
นายกฯ โพสต์แจ้งคืบหน้าสานสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ เพียง 50 วัน เห็นผลเป็นรูปธรรมหลายเรื่อง ‘ท่องเที่ยว-ส่งออกอาหาร-แรงงาน’
21 มี.ค.2565-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha” ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยครับ นับจากวันที่ 25 ม.ค.65 ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในรอบกว่า 30 ปี ของสองราชอาณาจักร คือไทยและซาอุดีอาระเบีย ที่ได้พลิกฟื้นความสัมพันธ์ กลับมาสู่ในระดับปกติ พร้อมที่จะสานต่อและขยายผลความสำเร็จร่วมกันในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้เพียง 50 วัน ก็ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง ตามที่ผมได้กำชับและสั่งการไว้อย่างน้อย 3 เรื่อง คือ
เรื่องแรก “การเดินทางท่องเที่ยว” โดยเราได้มีโอกาสต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบิน Saudia Airlines จากเมืองเจดดาห์ กรุงริยาด มาสู่กรุงเทพฯ ในวันที่ 28 ก.พ. 65 เป็นเที่ยวบินแรกในรอบ 32 ปี เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 1 เดือน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงาน และความกระตือรือร้นของทุกฝ่าย พิสูจน์ว่าไทยเป็นจุดหมายที่ชาวซาอุฯ ต้องการมาเยือน โดยฝ่ายไทยได้ให้การต้อนรับมิตรผู้มาเยือนกลุ่มแรกนี้ ด้วยของที่ระลึก การแสดงโขน และอุโมงค์น้ำ (Water Salute) ที่เป็นสัญลักษณ์สากล และหลังจากนี้เป็นต้นไป สายการบิน Saudia Airlines จะทำการบินมายังประเทศไทย 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (วันจันทร์-พุธ-ศุกร์) และนักท่องเที่ยวคุณภาพจากซาอุดีอาระเบีย และชาวตะวันออกกลาง จะสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ทั้งแหล่งการค้าการลงทุน ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แหล่งช้อปปิ้ง ทั้งเมืองหลักและเมืองรองต่างๆ ทั่วประเทศไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง
เรื่องที่สอง คือ “การส่งออกอาหาร” ที่ทางการซาอุดีอาระเบียได้บรรลุข้อตกลง ให้ไทยส่งออกไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป จาก 11 โรงงานไทยไปที่ซาอุฯ มีผลทันทีตั้งแต่ 13 มี.ค.นี้ ใช้เวลาทำงานร่วมกันเพียง 47 วัน โดยองค์การอาหารและยาซาอุฯ (Saudi Food & Drug Authority : SFDA) เป็นผู้พิจารณาโรงงานไทยที่ผ่านมาตรฐาน โดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทย ส่วนใหญ่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นทางจนถึงปลายทางแบบ “ครบวงจร” ตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มไก่เนื้อ ไปจนถึงโรงงานแปรรูป โดยเฉพาะฟาร์มไก่ ซึ่งหมายรวมถึงฟาร์มของเกษตรกรภายใต้พันธสัญญากับบริษัท (Contract Farming) ด้วย จึงส่งผลดีต่อทั้งรายใหญ่ รายย่อย และตลอดห่วงโซ่อุปทานของไทย ที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยจะเกิดการขยายผลไปสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไก่ และต่อยอดไปยังอาหารฮาลาล ผัก ผลไม้ และอื่นๆ ต่อไป
เรื่องที่สาม คือเรื่อง “การส่งแรงงานไทยไปซาอุฯ” ที่พี่น้องหลายคนให้ความสนใจและติดตามข่าว ก็มีความคืบหน้าไปมาก และจะนำไปสู่การลงนามข้อตกลงระหว่างกันในวันที่ 28 มี.ค.นี้เป็นอีกผลงานที่ใช้เวลาเพียง 2 เดือนเศษเท่านั้น โดยคณะผู้แทนทางวิชาการซาอุดีอาระเบีย มีความพอใจในความพร้อมของการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงานของไทย ซึ่งมีการจัดตั้งเป็น “ศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน” สาขางานบริการโรงแรม พนักงานบริการห้องพักและการประกอบอาหารฮาลาล เป็นต้น อีกทั้งแสดงความต้องการแรงงานในสาขาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่นช่างเชื่อมใต้น้ำ ช่างเคาะพ่นสี พ่อครัว และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ/สาธารณสุข (Medical Staff) อีกด้วย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า แรงงานไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 10,000 คน ในปัจจุบัน เป็น 50,000 คนภายในระยะ 3 ปี และเพิ่มอีกเป็น 100,000 คน ภายใน 5 ปี จะสร้างรายได้ส่งกลับประเทศเพิ่มขึ้นอีก2,250-4,500 ล้านบาทต่อปี โดยผมได้กำชับในเรื่องหลักสูตร การฝึกอบรม มาตรฐานฝีมือแรงงานจะต้องตรงกับความต้องการจ้างงานและได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้จ้าง เป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่องและยั่งยืน สิ่งที่สำคัญคือ ผมยังได้สั่งการให้ดูแลสวัสดิการของพี่น้องแรงงานที่จะไปซาอุฯ ให้ครบถ้วน ไม่ให้บริษัทใดมีการหลอกลวงเป็นอันขาด ทั้งค่าจ้าง ที่อยู่ อาหารการกินประกันภัย ไปจนถึงโอกาสในความก้าวหน้า โดยรัฐบาลจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกคน
นอกจากนี้แล้ว ผมยังเฝ้าติดตามและกำกับดูแลความคืบหน้าในด้านอื่นๆ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วเช่นกัน โดยเฉพาะการยกระดับผู้แทนทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศ จาก“อุปทูต” ให้กลับมาเป็นระดับ “เอกอัครราชทูต” ดังเดิม ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือ ทั้งส่วนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนต่อไป ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในหลายเรื่อง เช่น การเปิดประตูการค้ากับซาอุฯ ให้กลับไปที่ 2.2% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ดังเช่นในอดีตเมื่อปี 2532 ซึ่งจะสร้างความสมดุลมากขึ้น รวมทั้งความร่วมมือเรื่อง”พลังงาน” ที่จะสามารถช่วยในเรื่องค่าครองชีพ ต้นทุน และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงโอกาสในด้านอื่นๆ อีกมหาศาลที่จะเกิดขึ้นจากความสำเร็จในการสานสัมพันธ์ในครั้งนี้ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กตู่' : 'เขาไม่ได้คิด' กดดันให้เก็บของออกจากทำเนียบฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ห่วงอะไรเป็น
บี้ กกต. ตีตกคดี 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ระวัง 'ด้อมส้ม' 14 ล้านลงถนน
'เอกชัย' จี้ กกต. เร่งประกาศรับรอง ส.ส. ตั้งรัฐบาลใหม่แทน 'บิ๊กตู่' สอนคดี 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ เทียบเคียงคดีชาญชัย ปัดตกได้เลย เตือนระวังด้อมส้ม 14 ล้านเสียงลงถนน
'แรมโบ้' ฟาดเดือด! 'โรม' น้ำลายหกระวังตกเก้าอี้
'แรมโบ้' ซัดกลับ 'รังสิมันต์' ไล่ไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ค่อยบอก 'บิ๊กตู่' เก็บของ อยากเป็น รบ.จนตัวสั่น ระวังฝันค้างกลางวัน บอกการเมืองใหม่ ที่แท้น้ำเน่าชัดๆ
'อภิชัย' ชำแหละนโยบายค่าแรง 450 บาทภายใน 100 วัน
นายอภิชัย เตชะอุบล อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายพรรคการเมือง ที่เสนอ
'บิ๊กตู่' ตั้งการ์ดมวยไทยสู้สื่อ หลังถูกถามขอบสนามเลสเตอร์ฯ
นายกตั้งการ์ดสู้สื่อ สะท้อนเอกลักษณ์มวยไทย อีกนัยยะหนึ่งเพื่อสื่อบอกว่า ไม่อยากตอบเรื่องขอบสนามเลสเตอร์เมื่อวาน หลังถูกตื้อถาม
นายกฯ เผยนักลงทุนกังวลจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ลั่นทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ระวังอย่าให้เสียหาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยกล่าว “สวัสดีนะครับสื่อมวลชนที่รักทุกท่าน ทั้งประชาชนที่รับฟังอยู่ทางบ้านด้วยการประชุมครม.