นายกรัฐมนตรีปากีสถาน หลุดจากตำแหน่งผู้นำ หลังพ่ายโหวตไม่ไว้วางใจ

นายกรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน ของปากีสถาน ยุติบทบาทในฐานะผู้นำประเทศ หลังพ่ายแพ้ในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาจากเหตุวุ่นวายและเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองหลายสัปดาห์

แฟ้มภาพ  อิมรอน ข่าน วัย 69 ปี อดีตนักคริกเกตที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง ขณะกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการชุมนุมหาเสียงในอิสลามาบัด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปากีสถานหลังการเลือกตั้ง ก่อนถูกปลดจากการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจในรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2565 (Photo by AAMIR QURESHI / AFP)

เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานการประชุมของรัฐสภาปากีสถานเพื่อลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2565 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน มีอันต้องหลุดจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศ หลังสูญเสียคะแนนความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ เนื่องจากความล้มเหลวในการปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ในการหาเสียงของเขาก่อนเข้ารับตำแหน่ง

ข่าน อดีตนักคริกเกตวัย 69 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากว่า 3 ปีครึ่ง พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ในอำนาจ รวมถึงการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำทั้งหมดของเขาขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐสภาจึงได้จัดประชุมเพื่อลงคะแนนเสียง ก่อนจะนำมาซึ่งการพ้นจากตำแหน่งของข่านในที่สุด ด้วยคะแนนไม่ไว้วางใจ 174 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 342 เสียงในรัฐสภา บันทึกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองปากีสถานในฐานะนายกรัฐมนตรีคนแรกที่สูญเสียตำแหน่งจากการลงมติไม่ไว้วางใจ

ถึงแม้ข่านจะออกมากล่าวหาว่าการลงมติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้เกิดจากการแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกที่ไม่พอใจจากการที่เขายังคงเป็นพันธมิตรกับรัสเซียในกรณีสงครามยูเครน รวมถึงการทรยศหักหลังของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ความล้มเหลวในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 หรือการไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะทำให้ปากีสถานเป็นประเทศที่มั่งคั่งและปราศจากการทุจริต เป็นแรงผลักดันที่แท้จริงที่ทำให้เขาต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งในครั้งนี้          

รัฐสภาปากีสถานจะประชุมในวันจันทร์เพื่อลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และเชห์บาซ ชาริฟ ผู้นำฝ่ายค้านคนปัจจุบัน น้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชาริฟ ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป.