1 มิ.ย. 2565 - เมื่อเวลา 18.45 น. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการแถลงข่าวร่วมกับนายพันคำ วิพาวัน (H.E. Mr. Phankham Viphavanh) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวร่วม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับนายกพันคำฯ ที่ได้รับมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ การเยือนครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
โดยนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม “แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย - สปป. ลาว เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2565 - 2569” และร่วมเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับลาว ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป. ลาว ฉบับปี ค.ศ. 2022 รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับลาว ว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพไทย - ลาวเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แบบครบวงจร ที่เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์ ด้วย
ในระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและมุมมองคลอบคลุมในทุกมิติ โดยมีผลลัพธ์สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ มีดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย1.ไทยและ สปป.ลาว พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูวิถีชีวิตของประชาชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณพื้นที่ชายแดนให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว 2.การเร่งรัดฟื้นฟูการท่องเที่ยวเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยไทยพร้อมสนับสนุน สปป.ลาว ในการก่อสร้างสะพานเชียงแมน - หลวงพระบาง เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน 3.การเร่งรัดและขยายการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบรางของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากโครงการรถไฟลาว - จีน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกันแบบ win-win 4.เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประสานมาตรฐานและกฎระเบียบต่าง ๆ 5.กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งมีความสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุน สปป.ลาว ในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของบุคลากรในด้านดิจิทัล และพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มร่วมมือด้านพลังงานสะอาดมากขึ้น
ด้านความมั่นคง ไทยและ สปป.ลาว เห็นพ้องเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย และกระชับความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาวในการขยายผลการจับกุมและการมอบอุปกรณ์สืบสวนสอบสวนที่ทันสมัย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแก๊ง call center และปัญหาค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน
ด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชน ถือเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในทุกด้าน โดยทั้งสองฝ่ายพร้อมสานต่อความร่วมมือเพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะระหว่างโรงพยาบาลตามแนวจังหวัดกับแขวงชายแดน ความร่วมมือด้านการเกษตร และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยรัฐบาลไทยพร้อมมอบทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี โท และเอก แก่เยาวชน สปป.ลาว รวมกว่า 700 ทุน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เยาวชนของทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเห็นพ้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในด้านสื่อมวลชน เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกันประชาชน
ความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยและ สปป. ลาว จำเป็นต้องประสานท่าทีและร่วมมือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นทั้งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค เพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 10 ในปีนี้อย่างเต็มที่ เพื่อผนึกกำลังของประเทศในอนุภูมิภาคในการผลักดันการฟื้นฟูอย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศพร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน และเพื่อให้อาเซียนคงบทบาทที่สำคัญในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของภูมิภาค
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวร่วม นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว เยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรม ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี และนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก
ทั้งนี้ ในการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว รัฐบาลไทยได้มอบการสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพไทย – ลาว เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แบบครบวงจร ที่เมืองไซทานี นครหลวงเวียงจันทน์ และทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.แผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย - สปป. ลาว เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 - 2569) 2.บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป. ลาว ฉบับปี ค.ศ. 2022 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยดวลโครเอเชียเย็นนี้ ฟุตซอลชิงแชมป์โลก 'มาดามแป้ง' อัดฉีด 1 ล้าน
"บิ๊กป๋อม"อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมฯ มั่นใจว่า ฟุตซอลไทย จะทำเต็มที่ ในเกมประเดิมสนามฟุตซอลโลก 2024 ที่จะพบกับ โครเอเชีย พร้อมเตรียม มอบโบนัสแมตช์แรก หนึ่งล้านบาท
อีสานระทึก! ระดับน้ำโขงพุ่งพรวดเดียวเกือบเมตร เสี่ยงท่วมฉับพลัน
นครพนมลุ้นระทึกอีกครั้ง! ระดับน้ำโขงพรวดเดียวสูงขึ้นอีกเกือบเมตร ฝนกระหน่ำซ้ำทั้งคืน ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆ ลาวแจ้งด่วนเขื่อนจีนปล่อยน้ำ
'ไทย' พลิกสถานการณ์ยิงดับ 'เวียดนาม' คาบ้าน 2-1 เกมอุ่นเครื่อง LPBank Cup 2024
"ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ พลิกสถานการณ์หลังตกเป็นรอง 0-1 คัมแบ็คกลับมาเอาชนะ เวียดนาม ถึงถิ่น 2-1 เก็บชัยศึก LPBank Cup 2024
ดร.อาทิตย์ จี้รัฐบาลประกาศให้ชัด 'เกาะกูด' เป็นของไทย อย่าทำนิติกรรมอำพรางสมยอมต่างชาติ
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ รัฐบาลต้องประกาศให้ชัดเจนว่า เกาะกูดเป็นของไทย อย่าทำนิติกรรมอำพราง
'FIVB' เลือก 'ไทย' รับหน้าเสื่อเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025
สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย หรือเอฟไอวีบี ยืนยันผ่านที่ประชุม เลือก ประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 อย่างเป็นทางการ
'จักรภพ' ออกโรงโต้คอลัมนิสต์ชื่อก้อง หยาม 'ทักษิณ' วิสั้นกว่านายกฯสิงคโปร์
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้ลมเปลี่ยนทิศ โดยระบุว่า “คุณลม เปลี่ยนทิศ เขียนเล่าถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของสิงค์โปร์ โดยนายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ลอว์เรนซ์