สะดุ้งทั้งกรม! จำคุก 325 ปี ตำรวจรับส่วยอ่าง

10 มิ.ย.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำการเรียกรับเงินจากสถานบริการอาบอบนวด

คดีนี้ได้มีการกล่าวหา ดาบตำรวจ ส. ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ากระทำการทุจริตในภาครัฐ กล่าวคือ อาศัยโอกาส ที่ตนมีอำนาจหน้าที่สืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย กระทำการเรียกหรือรับทรัพย์สิน โดยมิชอบด้วยกฎหมายจากสถานบริการนาตารี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด เพื่อแลกเปลี่ยนกับการ ไม่ดำเนินการสืบสวนคดีอาญาและเข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิดทางอาญา จำนวน 65 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 641,000 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาแล้วในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2563 มีมติชี้ว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมาตรา 123/2

ต่อมาพนักงานอัยการยื่นฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 18/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อท 12/2565 โดยพิพากษาว่า จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 173 การกระทำของจำเลยเป็นความผิด หลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมาย บทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 5 ปี รวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)

พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยต่างกรรมตามคำฟ้อง ของโจทก์ ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 65 กระทง จำคุก 325 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ชอบแล้ว ไม่มีเหตุอุทธรณ์ เห็นควรไม่อุทธรณ์

คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 แล้ว มีมติเห็นชอบ ไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามความเห็นของพนักงานอัยการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน

พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี

ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท

ศาลอาญาไฟเขียว อัยการขยายยื่นอุทธรณ์อีก 30 วัน คดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง

ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอขยายอุทธรณ์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา8แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายอุทธรณ์จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ที่พนักงานอัยการฯมีเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้