10 ส.ค.2565 - จากกรณีปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ ที่บัญญัติว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่" ทำให้มีข้อถกเถียงในวงกว้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หลัง 23 สิงหาคมนี้หรือไม่
และล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว
ขณะที่ส่วนส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ก็จะยื่นในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ เพื่อให้ศาลวินิจฉัยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็น “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่" แล้วสิ่งที่้ต้องติดตามหลังมีการส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือในคำร้องของ นายศรีสุวรรณ และที่ฝ่ายค้านจะยื่น17 สิงหาคม ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ พลเอกประยุทธ์ หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยคำร้องคดีนี้ออกมา
โดยหากศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติตามที่ จะทำให้ พลเอกประยุทธ์ ออกไปพักข้างสนามชั่วคราวและทำให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เบอร์หนึ่งขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการนายกฯไปจนกว่าคดีจะจบ
แต่หากศาลไม่สั่งพลเอกประยุทธ์ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พลเอกประยุทธ์ ก็ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ยังมีอำนาจเต็มทุกอย่าง จนกว่าศาลจะอ่านคำวินิจฉัยออกมา
ทั้งนี้หากตรวจคำร้องที่รัฐมนตรีในครม.ประยุทธ์ที่เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ พบว่า หลายคนศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา แต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี
เช่นคดี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ตอนนี้มีคดีอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณี ส.ส.ฝ่ายค้านยื่นให้วินิจฉัยกรณีความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ หลังมหาดไทย มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ อบจ.สงขลา จากเรื่องการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทาง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา แต่ไม่ได้สั่งให้นิพนธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นรัฐมนตรี
หรือกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ฝ่ายค้านยื่นให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส.ต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เพราะอาจมีลักษณะต้องห้ามจากคดีความเดิมที่ประเทศ ออสเตรเลีย ที่ตอนศาลรับคำร้องเมื่อ 17 มิถุนายน 2563 ก็ไม่ได้สั่งให้ธรรมนัสหยุดปฏิบัติหน้าที่ และต่อมาศาลวินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่หลุดจากส.ส.และรัฐมนตรี ที่พบว่าใช้เวลาพิจารณาร่วม 11 เดือน
ที่สำคัญ เมื่อไปดูตัว พลเอกประยุทธ์ พบว่าเคยตกเป็นผู้ถูกร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว 3 คดี
โดยมีสองคดีที่ศาลรับคำร้องไว้พิจารณาคือ คดีฝ่ายค้านยื่นให้วินิจฉัยกรณี เป็นหัวหน้าคสช.แล้วไปลงสมัครเป็นแคนดิเดตนายกฯพลังประชารัฐ ซึ่งศาลรับไว้เมื่อ 19 กรกฏาคม 2562 โดยไม่สั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และต่อมา ศาลมีคำวินิจฉัย 18 กันยายน 2562 ว่า หัวหน้า คสช. ไม่ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี
คดีที่สองคือคดีฝ่ายค้านร้องพลเอกประยุทธ์อยู่บ้านพักทหาร ที่ศาลรับไว้เมื่อ 11 มิถุนายน 2563 โดยไม่ได้สั่งให้พลเอกประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และต่อมามีคำวินิจฉัยเมื่อ 2 ธันวาคม 2563 ให้ยกคำร้อง พลเอกประยุทธ์ยังได้เป็นนายกฯต่อไป
ขณะที่คำร้อง คดีพลเอกประยุทธ์ ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ศาลมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง
เท่ากับว่า พลเอกประยุทธ์ ตกเป็นผู้ถูกร้องสองคดี แต่ศาลไม่เคยสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE วันนี้...เพื่อไทย ในวังวน 'ชินวัตร' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'นิพิฏฐ์' โอดเมื่อเรากลับมาแล้วขอคนใต้เลือกทั้งหัวทั้งหาง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
'อภิสิทธิ์' ลั่นต่อสู้ให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องความนิยมอุดมการณ์-นโยบายตัวบุคคล
หัวหน้าปชป. ไม่หวั่น อดีต สส. แห่ย้ายพรรค พร้อมส่ง สส.ชน ย้ำไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียง บอกหากวันเลือกตั้งต้องขยับ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเป็นเรื่องเข้าใจได้
ภูมิใจไทยปลุกพลังผู้สมัครสส. ชูสโลแกน 'พูดแล้วทำพลัส' ตั้งเป้าเกิน 200 ที่นั่ง!
แกนนำภูมิใจไทยกำชับว่าที่ผู้สมัคร สส.เดินเกมเลือกตั้งตามกติกา กกต. ชูผลงานรัฐบาลเป็นจุดขาย พร้อมปลุกใจหากทุ่มเทเต็มที่ มีลุ้นกวาดเกิน 200 ที่นั่ง มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มคลี่คลายก่อนปีใหม่
เพื่อไทย ชูเครือญาติ 'ชินวัตร' นั่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1
"เพื่อไทย ชู "ยศชนัน" นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ชี้ไม่เป็นปัญหาถูกมองหนีไม่พ้นตระกูลชินวัตร ลั่นเป็นโอกาส-จุดเด่น รับเป็นหน้าใหม่การเมือง เชื่อเวลา 2 เดือน ชนะใจปชช.ได้ พร้อมยัน ไม่ถูกครอบงำจาก “เยาวภา” ด้าน “สุริยะ” ยังมั่นใจ ถึงเป้า 200 ที่นั่ง ขณะที่ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมฝ่าด่านอำนาจรัฐ กระสุน กระแสชาตินิยม สู่ชัยชนะด้วยนโยบาย
ปชป. ชู 3 แกนหลัก การเมืองสุจริต ความเป็นมืออาชีพ ไว้วางใจได้ไม่มีดีลลับ
ปชป. ประกาศเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ ชู 3 แกนหลัก สุจริต-มืออาชีพ-ไว้วางใจ พร้อมสะท้อนปัญหาหาดใหญ่ถึงรัฐบาล

