เลขาธิการศาลรธน. แจงยิบขั้นตอนการวินิจฉัย 8 ปีนายกฯ-เอกสาร 'มีชัย' หลุด

7 ก.ย.2565 - เมื่อเวลา 14.30น . ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายเชาวนะ ไตรมาศ​ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวถึงกรณีที่นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดพิเศษ เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่

โดยนายเชาวนะ กล่าวว่า นับตั้งแต่ศาลได้มีการรับคำร้องกรณีเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้มีการพิจารณากระบวนพิจารณามาเป็นลำดับเป็นกระบวนการปกติ การที่ศาลนัดประชุมในวันที่ 8 ก.ย.นี้ ไม่ได้เป็นการเร่งเวลา หรือทำให้ช้าลง ยืนยันว่าเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ถามว่าคดีนี้มีความสำคัญ หรือไม่ ก็เป็นคดีที่ศาลให้ความสำคัญ แต่ก็ดำเนินกระบวนพิจารณาตามปกติไม่ได้มีการลัดขั้นตอนแต่อย่างใด

"ที่มีข่าวว่าศาลจะประชุมพรุ่งนี้แล้วจะมีการลงมติและมีการระบุว่ามีเสียงข้างมากข้างน้อยเท่านั้นเท่านี้เรียนว่า ขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น พรุ่งนี้เป็นเพียงการนำพยานหลักฐานที่ศาลได้รับมาพิจารณาว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าไม่พอจะต้องแสวงหาเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งตามที่วิธีที่กฎหมายกำหนดทำได้เช่น การให้บุคคลหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงก็ได้ หรือจะดำเนินกระบวนชนการไต่สวนก็ได้ ฉะนั้นที่มีข่าวทำนองว่าหลังจากการพิจารณาในวันพรุ่งนี้แล้ว ก็มีการนัดอ่านคำวินิจฉัยในอีก 15 วัน และมีการกำหนดว่าผลของการพิจารณาจะออกมาเป็นกี่เสียง ยืนยันว่ายังไม่มีเงื่อนไขของการกำหนดวัน และยังไม่ถึงขั้นลงมติ" เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญระบุ

นายเชาวนะ ยังกล่าวถึงกรณีหนังสือชี้แจงของนายมีชัย​ ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ​ที่​หลุดในโลกโซเชียลว่าโดยไม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญให้ความสำคัญ และกังวลใจเป็นอย่างมากเนื่องจากเนื้อหากระทบผู้ให้ความเห็น และพาดพิงไปถึงคู่ความจึงให้สำนักงานมีการติดตามว่าเอกสารมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีเอกสารรั่วไหลในชั้นธุรการก็จะกำชับให้พึงระมัดระวัง แต่เมื่อมีการรั่วไหล เราก็ต้องเพิ่มความรัดกุมให้มากขึ้น ทั้งนี้ในทางปฏิบัติจะพิจารณาว่ามาตรการของเรามีข้อบกพร่องเช่นไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการพิจารณา เพิ่มความระมัดระวังให้เกิดความรอบคอบและรัดกุม

"ยืนยันว่าประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านห่วงใย และรู้สึกเสียใจ จึงให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญระมัดระวัง และดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจะเอาผิดใครได้หรือไม่จะต้องรอดูผลการตรวจสอบก่อน ส่วนที่ขณะนี้เอกสารชี้แจงของนายกรัฐมนตรีหลุดในโซเชียลอีก ทางสำนักงานยังไม่ทราบ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ควบคุม เมื่อมีเหตุก็จะต้องเพิ่มมาตรการ เพราะท่านประธานห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ส่วนตัวท่านไม่ได้หวั่นไหว และยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้เข้มแข็งมั่นคง" นายเชาวนะ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากคณะตุลาการเห็นว่าข้อเท็จจริงมีความเพียงพอให้วินิจฉัยแล้ว ตามข้อกฎหมายจะต้องมีการนัดวันวินิจฉัยภายในกี่วัน นายเชาวนะ กล่าวว่า ตามกฎหมายกำหนดไว้ในบางคดีบางเรื่องเช่น คดีที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะกำหนดเฉพาะเจาะจงว่าจะวินิจฉัยภายใน 15 วัน 30 วัน แต่คำร้องลักษณะกฎหมายไม่ได้กำหนด ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะพิจารณา ซึ่งการที่ศาลจะกำหนดวันวินิจฉัย ตามข้อหมายได้กำหนดไว้เพียงปัจจัยเดียวคือ เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอต่อการพิจารณา และให้ความยุติธรรม ก็จะกำหนดประเด็นวินิจฉัย และจะนัดอ่านความเห็นของตุลาการแต่ละท่าน และนัดอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ซึ่งปกติคำร้องที่มีกรณีศาลจะลงมติช่วงเช้าและอ่านช่วงบ่าย และการที่ศาลจะนัดอ่านถ้าไม่ได้เป็นเรื่องที่มีการไต่สวนก็จะนัดวินิจฉัยหลังพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน แต่ถ้าอยู่ระหว่างการไต่สวนและเห็นว่าคดีมีข้อมูลเพียงต่อการวินิจฉัย ก็จะนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัย แต่คดีนี้ยังไม่ได้มีการไต่สวน ฉะนั้นในคดีนี้ก็จะอยู่ในกรอบนัดวินิจฉัยไม่น้อยกว่า 7 วัน หลังจากศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัย

นายเชาวนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนความเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งศาลก็รับฟัง แต่ไม่ได้เอามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ศาลจะยึดสำนวนคดีเป็นหลัก ตุลาการทั้ง 9 คนล้วนเป็นอิสระ ไม่มีใครรู้ว่าใครจะวินิจฉัยอย่างไร และขณะนี้ยังไม่ได้เป็นที่ยุติว่าพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ การที่บอกว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างนั้นอย่างนี้ จึงเป็นการด่วนสรุปที่เร็วเกินไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม

คนเสื้อแดงกินแห้ว! ศาล รธน. ไม่รับวินิจฉัย ปม MOA 'ภูมิใจไทย-ปชน.'

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่นายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนายณัฐพงษ์

ลุ้นกันยาวๆ 24 ธ.ค.ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานคดี 'ภูมิธรรม-ทวี' จุ้นคดีฮั้ว สว.

ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานคดีสถานะ 'ภูมิธรรม-ทวี' จุ้นคดีฮั้วเลือก สว. 24ธ.ค.นี้ พร้อมไม่อนุญาต 'สราวุธ' ถอนตัวจากการพิจารณาคดี

ตีตก 2 คำร้อง! ศาล รธน. ไม่วินิจฉัย MOA ตั้งรัฐบาลอนุทิน เหตุไม่มีหลักฐานชัดล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.ตีตกปม MOA "ณัฐพงษ์-อนุทิน" ให้ สส.ปชน-ภท. โหวตนายกฯ เหตุไม่มีหลักฐานชี้ชัดใช้สิทธิล้มล้างปกครอง เป็นการประกาศเจตจำนงร่วมทางการเมือง

'ราชทัณฑ์' พร้อมส่งตัว 'แส จิ้นเจียง' เจ้าพ่อพนันชเวก๊กโกให้รัฐบาลจีนดำเนินคดี

“ราชทัณฑ์” พร้อมส่งตัว “แส จิ้นเจียง“ ผู้ต้องหาชาวจีน เจ้าพ่อพนันชเวก๊กโกให้รัฐบาลจีนดำเนินคดี หลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย “พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ระบุ อยู่ระหว่างรับประสานงาน “อัยการ-ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ“ ยืนยัน ผู้ต้องหาเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคง ต้องดูแลความปลอดภัยเต็มที่ ป้องกันชิงตัวผู้ต้องหา