เปิดคำสั่งไล่ออกจากราชการ 'ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ' ก่อนมาก่อเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญ

6 ต.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายเข้าไปก่อเหตุกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.เขตอำเภอ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู นากลาง มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 31 ศพ

โดยผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายปัญญา คำราบ อดีต ส.ต.อ. สภ.นาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู ที่ถูกไล่ออกจากราชการแล้วเคียดแค้นไปก่อเหตุ กระทั่งจบชีวิตตัวเองพร้อมลูกเมีย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ทั้งนี้ นายปัญญา คำราบ อดีต สิบตำรวจเอก ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ (งานป้องกันและปราบปราม) สถานีตำรวจภูธรนาวัง ถูกไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2565 โดยคำสั่งมีรายละเอียดดังนี้

คำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูที่ 392/2565 เรื่องลงโทษไล่ออกจากราชการ ด้วยสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ ตำแหน่งผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรนาวัง มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูที่ 51/2565 ลงวันที่ 20 มกราคม 2565 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ผลการสอบสวนรับฟังได้ว่าสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ กระทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีต้องหาคดีอาญาข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรงและกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆรวมทั้งการกระทำผิดมาตรา 7 8(1) อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามความในมาตรา79(5)และ(6) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2547 ประกอบกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดพ.ศ 2542 โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิดดังนี้

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 13.34 น. สถานที่เกิดเหตุบ้านพักข้าราชการตำรวจเลขที่ 219/17 หมู่ที่ 13 ตำบลนาเหล่า อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่ามีข้าราชการตำรวจชื่อปัญญาหรือแมน เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดสถานีตำรวจภูธรนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีพฤติกรรมการดื่มสุราแล้วก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับบุคคลอื่น จากนั้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบซึ่งร้อยตำรวจเอกประจวบ ศรีชัยโย รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมชุดจับกุมได้เดินทางมาตรวจสอบบุคคลดังกล่าวทราบชื่อสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ อายุ 33 ปีตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรนาวัง เมื่อเดินทางมาถึงสถานีตำรวจภูธรหน้าวัง จึงได้เชิญตัวสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ มาสอบถาม สิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ ยอมรับว่าตนเองเคยเสพยาเสพติดจริง (ยาบ้าและยาไอซ์)

เพราะมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่า จะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณบ้านพักของสิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ เจ้าพนักงานจึงได้ขอตรวจค้นบ้านพัก ก่อนการตรวจค้นเจ้าพนักงานได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้สิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว และยินยอมให้ทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นบริเวณห้องพักพบยาบ้าสีแดง 1 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในกล่องพลาสติกใสวางอยู่บนตู้กับข้าวในห้องพัก เจ้าพนักงานตำรวจสอบถามว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของใครสิบตำรวจเอกปัญญา ให้การว่าเป็นของตนจริงจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมและ แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาให้สิบตำรวจเอกปัญญา ทราบ “มียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นได้ควบคุมตัวไปที่ห้องปฏิบัติการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรนาวัง เพื่อตรวจสอบหาสารเมทแอมเฟตามีน เบื้องต้นผลเป็นลบ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวสิบตำรวจเอกปัญญา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลจังหวัดหนองบัวลำภูและคณะกรรมการสอบสวนมีมติเอกฉันว่าพฤติการณ์ของสิบตำรวจเอกปัญญาผู้ถูกกล่าวหา มีมูลเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง กรณีต้องหาคดีอาญามียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย การกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วร้ายแรงและกระทำหรือละเว้นการกระทำใดๆรวมทั้งการกระทำผิดมาตรา 7 8(1) อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามความในมาตรา 79 ( 5)และ(6) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ 2547 ประกอบกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องยาเสพติดพ.ศ 2542 กรณีผู้บังคับบัญชาสืบสวนพบหรือตรวจสอบพบว่ากระทำความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในความครอบครองและถูกจับกุมตัวคณะกรรมการสอบสวนจึงมีมติเป็นเอกฉันว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามแนวทางการลงโทษวินัยอย่างร้ายแรงเห็นควรลงโทษ “ไล่ออก” สิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ

ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72 และมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ.ศ 2545 จึงให้ลงโทษไล่สิบตำรวจเอกปัญญา คำราบ ออกจากราชการทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2565 วันที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการมีผลบังคับตามระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการตำรวจพ.ศ 2547 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 ข้อ6(6)

อนึ่งหากผู้ถูกลงโทษประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งให้ยื่น อุทธรณ์ต่อ ก. ตร. ภายใน 30 วันนับแต่วันรับทราบคำสั่งและหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วันนับแต่วันพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์สั่งณวันที่ 17 มิถุนายนพ.ศ 2565

ลงชื่อ พลตำรวจตรีกิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โล่ง! ยังไม่พบคนไทยบาดเจ็บ-เสียชีวิต ในเหตุกราดยิงมอสโก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายก​รัฐมนตรี​และ​รมว.คลัง​ กล่าวถึงเหตุการณ์การก่อการร้ายที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย หลังคนร้ายในชุดพรางทหาร

สถานเอกอัครราชทูต เตือนคนไทยในมอสโก เฝ้าระวังเหตุกราดยิง!

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก เตือนคนไทย ในกรุงมอสโก รัสเซีย เฝ้าระวังสถานการณ์เหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ต ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

'โฆษกอัยการ' เปิดกฎหมาย 3 ฉบับ คดี 'เด็ก 14' ต้องรอรักษาจนหาย

'โฆษกอัยการ' เผยครบผัดฟ้อง 'เด็ก 14’ กราดยิงพารากอน ต้องปล่อยตัวจากสถานพินิจฯ เเต่เเพทย์ยังมีอำนาจคุมตัวต่อตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต ชี้การดำเนินคดีต้องรอแพทย์รักษาจนหายเท่านั้น

'เด็ก 14' มือกราดยิง รักษาต่อสถาบันกัลยาณ์ พ่อแม่ยินยอม

จากกรณีที่พนักงานอัยการส่งสำนวนฟ้องคดีเหตุการณ์ยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอนกลับไปยังพนักงานสอบสวน เนื่องจากกระบวนการสอบสวนเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุไม่ชอบด้วยกฎหมาย