
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานเจ้าภาพการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๐ หรือ APPF ครั้งที่ ๓๐ และประธานคณะกรรมการบริหาร เป็นประธานในพิธีปิดการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๐ ซึ่งรัฐสภาเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ รัฐสภา โดยมี หัวหน้าและคณะผู้แทนจากประเทศสมาชิก APPF ประเทศผู้สังเกตการณ์ องค์การระหว่างประเทศ คณะทูตานุทูตศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง สมาชิกรัฐสภาไทย คณะผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธี
โอกาสนี้ ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานเจ้าภาพการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๐ หรือ APPF ครั้งที่ ๓๐ และประธานคณะกรรมการบริหาร กล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุมใจความสำคัญว่า “การประชุมได้ดำเนินมาจนถึงวันสุดท้ายของการประชุมแล้ว ขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศสมาชิก APPF ทุกท่านสำหรับการสนับสนุนอันมีค่ายิ่งในการประชุมประจำปีครั้งนี้ ด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความสมัครสมานสามัคคี ขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับความร่วมมือขององค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยให้การประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๓๐ ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยมีความยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิก APPF ในการฟื้นฟูอย่างเท่าเทียม สมดุล โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง อันสะท้อนให้เห็นในผลลัพธ์หลักของการประชุมนี้ ด้วยความเข้มแข็งและความหลากหลายของเรา เราจะสร้างอนาคตที่ดีขึ้นและเจริญรุ่งเรืองขึ้นร่วมกัน เพื่อพวกเราทุกคนผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน การประชุมเมื่อสองวันที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงพลังของพหุภาคี ด้วยการแบ่งปันข้อห่วงใยร่วมกันอย่างแข็งขันและการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในรูปแบบความเป็นหุ้นส่วน เรามั่นใจว่าภูมิภาคของเราจะก้าวไปข้างหน้าในทุกมิติอย่างยั่งยืนมากขึ้น APPF ในฐานะตัวแทนของประชาชน เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมฉันทามติและการสนับสนุนจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ของเรา เราต้องเปลี่ยนผ่านวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติ และขับเคลื่อนภูมิภาคของเราไปสู่สันติภาพ ความมั่งคั่งและความยั่งยืน เพื่ออนุชนคนรุ่นหลังของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประชาคมโลก ตลอดจนโลกของเรา”

จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธาน APPF และประธานกรรมการบริหาร ส่งมอบธง APPF ให้แก่เจ้าภาพการประชุม APPF ครั้งที่ ๓๑ โดย Mr.Ronald dela Rosa สมาชิกวุฒิสภา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ หัวหน้าคณะผู้แทนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ กล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่งเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิกครั้งต่อไป พร้อมกล่าวว่า ฟิลิปปินส์มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งถัดไปเพื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของ APPF ฟิลิปปินส์มีความยินดีที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ
ทุกประเทศ ความร่วมมือระหว่างกันของประเทศสมาชิกเป็นสิ่งที่ฟิลิปปินส์จะดำเนินการต่อไป และจะเรียนรู้การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมจากไทย การได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งถัดไป ถือเป็นความภาคภูมิใจของฟิลิปปินส์ที่จะได้ต้อนรับทุกท่านที่กรุงมะนิลา ขอบคุณประเทศไทยที่จัดการประชุมครั้งนี้เป็นอย่างดี

โดยในช่วงก่อนพิธีปิดการประชุมเป็นการประชุมเต็มคณะ วาระที่ ๔ ด้านการดำเนินกิจกรรม ของ APPF ประกอบด้วย การรายงานการประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรี โดย นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา ประธานการประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรี กล่าวรายงานการประชุมต่อที่ประชุมว่า ที่ประชุมได้พูดคุยใน ๒ ประเด็นหลัก คือการเสริมสร้างศักยภาพของสตรีเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด - ๑๙ ได้สร้างผลกระทบในทุก ๆ ด้าน ตลอดจนความเป็นอยู่ของสตรีที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความท้าทายด้านเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนด้านการทำงาน และสวัสดิการของสตรี ปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว ขณะที่ต้องเผชิญความท้าทายระดับโลกด้านต่าง ๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ นอกจากนี้ ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งด้านงบประมาณ ด้านสังคม การเข้าถึงสาธารณสุข ตลอดจนการกำจัดความรุนแรงต่อสตรี การสร้างความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และการใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทำงาน อีกทั้งยังมีข้อคิดเห็นร่วมกันว่ารัฐบาลควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการทำงาน ซึ่งรัฐสภาต้องกระตุ้นให้รัฐบาลพัฒนานโยบายต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสะดวก มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนทักษะในด้านต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่ดี การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้สตรีและเด็กผู้หญิงมีโอกาสพัฒนาทุกด้านในชีวิตให้มีศักยภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พูดถึงการส่งเสริมโอกาสการเป็นผู้นำทางการเมือง ที่จะต้องส่งเสริมให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองให้มากที่สุด และเห็นร่วมกันที่จะผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมกันทางเพศให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ภายหลังการแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรีได้เห็นชอบ ๒ ข้อมติ คือการเสริมสร้างศักยภาพสตรีเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต เสนอโดยรัสเซียและประเทศไทย และข้อมติการมีส่วนร่วมของสตรีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาดโรคโควิด - ๑๙ เสนอโดยประเทศไทยและแคนาดา และนำข้อมติดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาร่วมกันของที่ประชุมเต็มคณะ วาระที่ ๔ และท้ายที่สุด ที่ประชุมเต็มคณะได้ร่วมให้การรับรองรายงานของสมาชิก รัฐสภาสตรี เพื่อเป็นแนวทางร่วมกันที่จะผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

การรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างข้อมติและแถลงการณ์ร่วม โดย นายกิตติ วะสีนนท์ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างข้อมติและแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) กล่าวรายงา การประชุมต่อที่ประชุม ว่ารัฐสภาสมาชิกได้ร่วมกันทำหน้าที่อย่างหนักในการพิจารณาร่างข้อมติที่เกิดขึ้นจากการประชุมทั้ง ๔ คณะ ก่อนได้ข้อยุติ ๑๑ ร่างข้อมติ จากคณะทำงานด้านการเมืองและความมั่นคง คณะทำงาน ด้านเศรษฐกิจและการค้า คณะทำงานด้านสมาชิกรัฐสภาสตรี และคณะทำงานด้านความร่วมมือในระดับภูมิภาค อาทิ การฟื้นฟูอย่างยั่งยืนภายหลังการระบาดของโรคโควิด - ๑๙ เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย สันติภาพและความมั่นคง การเสริมสร้างศักยภาพของสตรีเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต การพัฒนาและการขยาย การเข้าถึงสาธารณสุขมูลฐานอย่างเท่าเทียม การส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค และการสนับสนุนความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยที่ประชุมให้การรับรองทั้ง ๑๑ ร่าง
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธาน APPF ทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหาร APPF กล่าวรายงานต่อที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการพบปะกันครั้งแรกหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - ๑๙ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตามหัวข้อที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละวาระการประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพยายามไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกโดยมุ่งไปที่สันติภาพ ประชาธิปไตย และความเจริญรุ่งเรืองในกลุ่มภูมิภาค การส่งเสริมความร่วมมือ ทุกองค์การ การขยายความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืน เสริมสร้างสันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค การประชุมครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้มีการประชุมโต๊ะกลมของยุวสมาชิกรัฐสภาในภูมิภาคที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารได้มีมติรับรองข้อบังคับการประชุม APPF และระเบียบวาระและกำหนดการประชุม APPF ครั้งที่ ๓๐ ซึ่งมีการรับรองวาระและกำหนดการของการประชุมในปีนี้ และเรื่องอื่น ๆ ที่ได้นำเสนอในการประชุม รวมไปถึงการทบทวนแนวทางการพิจารณาสมาชิกภาพของสมาชิกและวาระของการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารทั้งในอนุภูมิภาค โดยเสนอให้รัฐสภาแต่ละประเทศพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่ง ของคณะกรรมการบริหาร ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ

ด้านการเมืองและความมั่นคง เน้นการส่งเสริมการทูตเชิงรัฐสภา ส่งเสริมบทบาทของสมาชิกรัฐสภาเป็นศูนย์กลางภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด - ๑๙ ส่งเสริมประชาธิปไตยสันติภาพและความมั่นคงภายในภูมิภาค
ด้านเศรษฐกิจและการค้า เป้าประสงค์คืออภิปรายในการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพเพื่อให้เกิด
การพัฒนาที่เชื่อมโยง ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้านความร่วมมือในภูมิภาคในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เน้นย้ำไปที่ความสำคัญของรัฐสภาในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน (BCG model) ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ การพัฒนาและการขยายการเข้าถึงสาธารณสุขมูลฐานอย่างเท่าเทียม การส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคและการสนับสนุนความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม
การประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรีเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมศักยภาพของสตรีเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
จากนั้น เป็นการรับรองข้อมติและแถลงการณ์ร่วม และการลงนามในแถลงการณ์ร่วม โดยหัวหน้าคณะผู้แทนแต่ละประเทศลงนามตามลำดับตัวอักษร เมื่อถึงลำดับของประเทศไทยขึ้นเวทีเพื่อลงนามในแถลงการณ์ร่วม ประเทศสมาชิกต่างยืนขึ้นพร้อมใจกันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมของรัฐสภาไทย ที่ต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมได้เป็นอย่างดี บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น อบอุ่น ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้อง ถือเป็นความสำเร็จของรัฐสภาไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ อีกทั้ง
ที่ประชุมมีฉันทามติรับรองร่างมติต่าง ๆ รวม ๑๑ ร่าง จนบรรลุเป็นแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและภูมิภาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง
‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม
'ชลน่าน' คาดถกแก้ รธน. วาระสอง ใช้เวลา 2 วันพอ แม้มีประเด็นให้เถียงกันหนัก
“ชลน่าน” ประเมิน ถกแก้รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้มีรายละเอียดมาก- ถกกันหนัก แต่ยุติด้วยเสียงข้างมาก เผยสงวนความเห็นไปสู้ในรัฐสภา ทวงคืน “สสร.- โละสูตร20 หยิบ1
ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3
'วันนอร์' เผยรัฐสภาพร้อมเปิดประชุมวิสามัญ ถกแก้ รธน. วาระ 2 ตั้งแต่ 1 ธ.ค.
"วันนอร์" เผยรัฐสภาพร้อมเปิดประชุมวิสามัญ ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2 ตั้งแต่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับรัฐบาลกำหนดให้ชัดเจน หวัง กมธ.แก้ รธน. คุยเคลียร์ข้อขัดแย้ง ปมกลไกผู้จัดทำร่างฯได้ เชื่อผ่านฉลุยเรียบร้อย ย้ำต้องไม่ทำให้ขัดคำวินิจฉัยศาลฯ
เคาะแล้ว! กติกา-ที่มา '35 อรหันต์' ยกร่าง รธน.ใหม่
'กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ' เคาะที่มา 'กมธ.ยกร่าง รธน.ใหม่' จากการสมัครผ่าน กกต. พร้อมกำหนดกติกา ก่อนส่งให้รัฐสภาเลือกผ่านสูตร '20 หยิบ 1' ปัดเอื้อพรรคเสียงข้างมาก ยันครอบงำไม่ได้













