
ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ คืนวันที่ 10 ธันวาคม คู่แรก โปรตุเกส ลงสนามพบ โมร็อกโก ฟาดแข้งกันที่ อัล ธูมามา สเตเดียม
เฟร์นันโด ซานโตส เฮดโค้ชโปรตุเกสตัดสินใจดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวสำรอง 2 นัดติดต่อกัน โดยส่ง กอนซาโล่ รามอส หัวหอกฟอร์มแรงลงเล่นป็น 11 คนแรก ประสานงานเกมรุกร่วมกับ เจา เฟลิกซ์, บรูโน่ แฟร์นันเดส, แบร์นาร์โด ซิลวา
แม้ โปรตุเกส จะครองเกมได้มากกว่า แต่นาทีที่ 42 กลายเป็น โมร็อกโก มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ยาห์ยา อัตติอัต-อัลลาห์ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายมาเข้าหัว ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี โฉบโหม่งตัดหน้านายด่านโปรตุเกสเข้าประตูไป
ครึ่งหลัง นาทีที่ 51 โปรตุเกส เปลี่ยนตัวทีเดียว 2 คน ส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นแทน รูเบน เนเวส และส่ง เจา กานเซโล ลงสนามมาแทน ราฟาเอล เกอร์เรโร่
โปรตุเกส พยายามโหมบุกอย่างหนักเพื่อทำประตูตีเสมอให้ได้ แต่จังหวะจบสกอร์ยังทำได้ไม่ดีพอ จนเกมเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+3 โมร็อกโก เหลือ 10 คน เมื่อ วาลิด เชดดิร่า ไปทำฟาวล์ เจา เฟลิกซ์ โดนผู้ตัดสินแจกเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม
ช่วงเวลาที่เหลือแม้ทัพ “ฝอยทอง” จะยังเดินหน้าบุกอย่างหนักแต่ไม่สามารถเจาะเกมรับอันแข็งแกร่งของโมร็อกโกได้ และจบเกม 90 นาที เป็น “สิงโตแห่งเทือกเขาแอตลาส” เฉือนชนะ โปรตุเกส 1-0
จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ โมร็อกโก สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมจากแอฟริกาชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ รอพบผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ หรือฝรั่งเศส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 ทศวรรษแห่ง ‘Green March’ โมร็อกโก! เรื่องราวของสันติภาพ, อำนาจอธิปไตย และการเจริญเติบโต
สถานเอกอัครราชทูตราขอาณาจักรโมร็อกโกประจำประเทศไทย เผยแพร่บทความเนื่องในโอกาสเป็นปีพิเศษที่ประเทศโมร็อกโกระลึกถึงการครบรอบ


