12 ม.ค.2566 - เวลา 09.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วยลูกความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกฯ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าแอบคบชู้กับอดีตภรรยาลูกความของตัวเอง
ทนายตั้ม บอกว่า วันนี้พาลูกความมาแจ้งความกลับอดีตรองนายกฯ เรื่องแจ้งความเท็จให้ผู้อื่นได้นับโทษทางอาญา และให้ความเท็จกับพนักงานสอบสวนหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่บอกว่ามีการสู่ขอฝ่ายหญิง มีการให้เงินไปซื้อคอนโดมิเนียมก็ไม่เป็นความจริง เพราะตัวเองมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ว่าคอนโด ซื้อตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่อดีตรองนายกฯและผู้หญิงจะแอบคบชู้กันปี 2565 ที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นที่อ้างว่ามีการให้กว่า 10 ล้าน ก็เป็นเพียงการพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่โอนให้ผู้หญิงชัดเจน ส่วนตัวเชื่อว่าในระหว่างที่แอบคบหากันในการให้เงินจริงแต่ไม่ได้มียอดเงินเยอะขนาดนั้น รวมถึง เรื่องเงินสินสอดที่ให้ในงานสู่ขอก็เชื่อว่าไม่เป็นความจริง พร้อมท้าว่าหากมีการจัดพิธีจริงก็อย่างให้ออกมาโชว์ภาพยืนยันความจริงที่กล่าวอ้าง
ส่วนเรื่องที่มีการแจ้งฉ้อโกงลูกความของตัวเองมองว่า ควรยอมรับผิดเรื่องการแอบคบชู้ก็จบ แต่กลับโยนความผิดแจ้งความฐานฉ้อโกง แม้ว่าทางพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องในคดีนี้ไปแล้วแต่มองว่าตามหลักฐานที่มีหากเข้าสู่การพิจารณาของศาลก็จะยกฟ้องอยู่ดี
ทนายตั้ม บอกว่า ล่าสุดตัวเองได้ข้อมูลว่า อดีตรองนายกฯพยายามใช่เล่ห์กลทางกฎหมายพยายามทำให้ตัวเองใสสะอาดต่อสู้คดี โดยการไปจดทะเบียนหย่ากับภรรยาที่สมรสกันมาหลาย 10 ปี ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวเพียง 1 ชั่วโมง ที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
สำหรับประเด็นข้อสงสัยที่ว่าเรื่องนี้อาจเป็นขบวนการแบล็กเมล์ หรือไม่นั้น ทนายตั้ม ยืนยันว่า ไม่ใช่การเรียกตบทรัพย์อย่างแน่นอน เพราะก่อนที่จะนำเรื่องมาเปิดเผยไม่เคยมีการนำภาพหรือหลักฐานไปเรียกเงินอดีตนายกฯมาก่อน
ส่วนประเด็นที่บอกว่า ทางอดีตนายกและอดีตภรรยาของลูกความรู้จักและคบหากันมาเป็น 10 ปี ในช่วงที่ฝ่ายหญิงทำงานเป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟ ประเด็นนี้ ทนายตั้ม บอกว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้หญิงไม่เคยทำงานเป็นแคดดี้และหากรู้จักกันมาเป็น 10 ปี ในขณะนั้นก็อายุเพียง 15 ปี ซึ่งไม่สามารถทำงานแบบนั้นได้อยู่แล้วประเด็นนี้จึงตกไป
ส่วนการเรียกค่าชดเชยในการฟ้องร้องครั้งนี้ ทนายตั้ม บอกว่า มีการเรียกเงินไปจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ถึง 25 ล้านตามที่เป็นข่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวนเงิน (เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.พร้อมสอบทุกมิติคดีพินัยกรรมเจ๊อ้อย เผยหาก 'ษิทรา' ไม่มีทนายสามารถซักค้านเองได้
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสว่าจะมีตัวแทนรับมอบอำนาจจาก น.ส.จตุ
ศาลสั่งจำคุก แอดมินเพจ 'ออยศรีและผองเผือก' หมิ่น 'ทนายตั้ม' ชดใช้เงิน 1 แสน
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษ เพจ "ออยศรีและผองเผือก" จำคุก 8 เดือนปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี หมิ่นประมาททนายตั้มให้ชดใช้เงิน 100,000 บาท
ศาลให้ประกัน พี่เมียทนายตั้ม วงเงิน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ
ภายหลังศาลรับฝากขังนางสาวปิณฑิรา หรือดาว การิวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างฝากขังศาลคำร้องพร้อมหลักทรัพย์
ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ พี่เมีย 'ทนายตั้ม' สมคบฟอกเงิน โกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นางสาวปิณฑิรา หรือดาวการวัลย์ อายุ 43 ปี พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ ในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฟอกเงิน
คุมตัวพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ฝากขังศาล ตร.ค้านประกัน เจ้าตัวไม่ยอมปริปาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน” ในคดีเงิน 39 ล้านบาทของ
ตำรวจกองปราบ รวบพี่เมีย 'ทนายตั้ม' ร่วมกันฟอกเงิน คดีโกงเจ๊อ้อย 39 ล้าน
พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ พี่สาวภรรยาของนายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน”