สะดุ้ง 'จตุพร' เตือนผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย อย่าลำพองคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เห็นอำนาจประชาชนเป็นของตาย

แฟ้มภาพ

ทุกวันนี้ (เขา) ยังคิดว่า เป็นคนถูก ยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครอยากเข้าพรรคต้องไปขอโทษ ผมอยากจะบอกสักคำว่า ในโลกการเมืองไม่มีใครใหญ่จริงหรอก

16 ม.ค.2566 - เฟซบุ๊กเพจ ประชาชนคนไทย (ปท.) เผยแพร่คำกล่าวของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน โดยถอดบทเรียนอาการเริงร่าของพรรคเพื่อไทยว่า อย่าเหลิงและลำพองกับชัยชนะเลือกตั้ง เหมือนในอดีต ที่ได้เป็นรัฐบาลยังถูกยึดอำนาจ เพราะหลงตัวว่ายิ่งใหญ่ จนละเลงอำนาจประชาชนไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็น ผบ.ทบ.คุ้มครอง แต่สุดท้ายจึงปราบจนเหี้ยน

นายจตุพร กล่าวถึงอนาคตประเทศไทยหลังการเลือกตั้งว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเริงร่ากับการหาเสียงที่จะครองเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนทุกครั้ง แต่ถ้าเอาแค่ชัยชนะแบบเดิมๆ แล้ว ก็จะจบแบบเดิมๆ เช่นกัน และประเทศก็จะเสียโอกาส สิ่งสำคัญในวันนี้พรรคต้องสงสารประชาชน หากพรรคเอาโอกาสที่ประชาชนมอบให้นำไปละเลงผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นทุกครั้งไป อำนาจก็จะมีภูมิต้านทานต่ำจากการตรวจสอบขององค์กรอิสระ

"แม้ประชาชนให้โอกาส แต่การตรวจสอบทั้งหลายนั้น ถึงเพื่อไทยจะได้เสียงสูงสุด 19 ล้านเสียงก็ตาม ก็มาตายกับการตรวจสอบของคน 9 คนจากองค์กรอิสระ ทั้งศาล รธน. ทั้ง ปปช. ยังไม่นับ กกต.จะมีนโยบายต่อไปอย่างไร ดังนั้น สิ่งที่หลงระเริง หากมีความเชื่อแบบเดิมๆ คิดว่าได้เปรียบเหลือล้น ผลสุดท้ายก็ไม่เคยเอาตัวรอดได้สักครั้งเดียว แล้วยังพาประเทศไปฉิบหาย 8-9 ปีมานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากตัวเองด้วย"

นายจตุพร อธิบายถึงความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าไม่เปิดประตูเริ่มต้น ร่าง พรบ.การนิรโทษกรรมสุดซอยแล้ว อีกทั้งโครงการจำนำข้าวถ้าทำกันอย่างตรงไปตรวงมา การยึดอำนาจก็ไม่คงเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะเมื่อ ปปช.เตือนมาก็ควรยุติ ซึ่งครั้งนั้นตนได้ทักทวงไว้แล้ว แต่กลับเหลิงอำนาจไปมอบประโยชน์ให้เจ้าเดียวส่งออกข้าว และยังตั้งลูกเขยเสี่ยส่งออกข้าวเป็นเลขา รมต. มันจึงพัง เพราะเอาคนที่มีพฤติกรรมเจ้าของธุรกิจส่งออกมานั่งอยู่ในกระทรวง ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นปัญหา

"การชนะเลือกตั้งของคุณ (ผู้นำจิตวิญญาณแดนไกล) ตั้งแต่ปี 2544 เรื่อยมา ได้ทำให้ประเทศเสียโอกาสขนาดไหน และครั้งนี้ก็จะชนะอีก แต่ถ้าวิธีคิดและพฤติกรรมไม่เปลี่ยน หรือไม่ทำอย่างที่เคยทำแล้ว คนน้ำหน้าอย่างประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว กระทั่งประยุทธ์สามารถสร้างความเชื่อให้ประชาชนจนพรรคการเมืองพร้อมทิ้งประชาชนมาอุ้มชูประยุทธ์ให้การคุ้มครอง ในที่สุดเพื่อไทยก็ถูกยึดอำนาจ ในวันยึดอำนาจนั้น ถนนอักษะ (บริเวณ นปช.ชุมนุม) เหลือไม่ถึง 100 คน เพราะมีคนไปปิดก๊อก และผมรู้ว่า วันยึดอำนาจใครไปอยู่ด้วย"

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือ จิตใจที่เห็นประโยชน์เฉพาะหน้า ได้นำพาให้บ้านเมืองเป็นแบบปัจจุบันนี้ ยิ่งในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยแล้ว บ้านเมืองจึงไม่เหลืออะไร เพราะพรรคได้แบกเอาความหวังความรู้สึกของประชาชนไปละเลงทุกครั้ง

สิ่งสำคัญ ระบุว่า ถ้าคุณ (ผู้นำทางจิตวิญญาณเพื่อไทย) เป็นคนใช้ได้ น้ำหน้าอย่างประยุทธ์ ไม่มีสิทธิ์สะเออะมาเป็นนายกฯ ได้เกือบ 9 ปี พวกนี้จะมายึดอำนาจได้อย่างไร เนื่องจากมีเหตุว่า พอวันที่ได้อำนาจมาจากประชาชน แล้วก็คิดว่าอำนาจประชาชนเป็นของตาย ก็ไปชะเงอมองประยุทธ์จะให้การคุ้มครอง ดูสิเปลี่ยนผู้คุ้มครองใหม่จากประชาชนมาไปเป็นประยุทธ์ จึงถูกประยุทธ์ปราบจนเหี้ยนไปเลย

"ทุกวันนี้ (เขา) ยังคิดว่า เป็นคนถูก ยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครอยากเข้าพรรคต้องไปขอโทษ ผมอยากจะบอกสักคำว่า ในโลกการเมืองไม่มีใครใหญ่จริงหรอก สิ่งสำคัญที่จะบอกคือ คุณชนะ (เลือกตั้ง) อยู่แล้ว ถ้าทำตัวเหมือนเดิมก็จะจบแบบเดิมอีก ส่วนชนะแล้วเป็นผู้ปกครองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าเป็นผู้ปกครองทำนิสัยแบบเดิมก็จะจบแบบเดิม และคนที่หนักที่สุดจากต้นเหตุของคุณก็คือประชาชน คุณเอาชีวิตเลือดเนื้อประชาชนไปละเลงเล่นได้อย่างไร เอาชัยชนะที่แลกมาทั้งชีวิต แต่ท้ายที่สุดใครก็ไม่รู้หน้านวลทั้งหลายก็มากอบโกยเอา แล้วไม่รักษาประชาธิปไตยเอาไว้ได้ วันนี้ก็มาอีหรอบเดิม”

นายจตุพร ประกาศว่า ตนไม่ได้ท้า หากจะมองเป็นศัตรูก็เรียงหน้ากันมาให้เป็นเรื่องเป็นราวกันเลย ที่มาเตือนสติแรงๆ นั้น จะบอกว่าบ้านเมืองฉิบหายวายวอดรอบนี้ ถ้าปกครองแบบเดิมๆ ให้ รมต.ทำงานแค่เซ็นหนังสือ แล้วให้คนนอกกระทรวงที่ใหญ่กว่าไปจัดการ มันจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ เพราะจะเข้าอีหรอบเดิมอีก

"ประยุทธ์ทำฉิบหายมา 8 ปี แต่ที่จะทำฉิบหายอีกรอบต่อไปนี้ เราก็ต้องเตือนสติอย่างแรง เพราะไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องอะไร แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ประเทศนี้เป็นของทุกคน ที่สำคัญที่สุดจะชี้ว่า อย่าเหลิง อย่างลำพองให้มาก คุณใหญ่กว่านี้เขาก็ล้มอย่างไม่เป็นท่าและโดนมาไม่รู้กี่ครั้ง ก็เพราะความเหลิง ความไม่เข้าท่าแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าประชาชน แต่เมื่อได้อำนาจจากประชาชนกลับเล็กที่สุดทุกครั้งกันไป อย่างนี้มันจะไหวหรือ”

พร้อมกล่าวว่า ตอนถูกยึดอำาจเมื่อปี 2549 คนมาพรรคไม่ถึง 19 คน เพื่อสู้กับรัฐประหาร หรือตอนยุบพรรค บริเวณลานหน้าพรรคมีคนไม่ล้นหลามเลย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาหัวใจประชาชน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ประเทศไทยต้องมาก่อน ซึ่งรอบนี้จะพินาศมากกว่าเดิม และอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น อ่านต้นฉบับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลาราชการครึ่งวันพรุ่งนี้ ร่วมกิจกรรมพรรคเพื่อไทย แถลงผลงานรัฐบาล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ นายกฯได้ลาราชการในช่วงครึ่งวันเช้า โดยเวลา 10.00-12.00 น. นายกฯมีกำหนดการเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย

'ประเสริฐ' เผย 'ชลน่าน' ยังกำลังใจดี ไม่น้อยใจ หลังหลุด ครม.เศรษฐา1/1

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย แ

ถอดรหัส 'ปานปรีย์ 2' จุดจบอันใกล้

- 'ปานปรีย์' เข้ากระทรวง กล่าวอำลา ขรก.- มีหลั่งน้ำตา - 'จุดจบ' ในอนาคตอันใกล้รัฐบาล 'เศรษฐา-เพื่อไทย'! (เปลวสีเงิน) - ฉะ ‘ปานปรีย์’ เก่งแค่วิชาการ ไม่มีคุณสมบัตินักการเมือง - ‘เศรษฐา’ เรียก ‘รัฐมนตรีใหม่เพื่อไทย’ เข้าพบ - คปท. ร้องกกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัย ‘พิชิต’ ขาดคุณสมบัตินั่ง รมต. - เอาแล้ว! อดีตคณบดีมธ.ขนผู้สมัคร สว. ยื่นฟ้องศาลฯ ถอนระเบียบ กกต. - 'ธนาธร' เมินกกต.ขู่ ชี้ปลุกระดมเครือข่ายสมัคร สว.ไม่ผิด - วิจารณ์สนั่น! ขน‘แคดเมียม’ ลอตแรก รั่วทั้งกาก ทั้งระบบ! - ‘บิ๊กต่าย’ แจงตั้ง ‘พล.ต.อ.สราวุฒิ’ สอบวินัย ‘บิ๊กโจ๊ก’ เป็นธรรม-เป็นกลาง

อดีตคณบดีนิติฯ มธ. ร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว สว.

นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567

'ศิริกัญญา' มอง 'ขุนคลังคนใหม่' ทำงานได้เต็มที่ ไม่ต้องแบ่งเวลามาเป็นเซลส์แมนประเทศ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในส่วนของกระทรวงการคลัง ว่า ปรากฎว่ามีรัฐมนตรีในกระทรวงการคลังถึง 4 คน ซึ่งน่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อันที่จริงกรมในกระทรวงก็มีไม่ได้มากคงแบ่งกันดูแลคนละกรมครึ่ง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 8)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490