'จตุพร' ชี้จุดจบ 'ทักษิณ' ที่ชอบหลอกคนอื่น

จตุพร ทักษิณ9 มิ.ย.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ใครได้...ใครเสีย..." โดยกล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร หลอกคนอื่นตลอดเวลา ดังนั้นคนไม่มีสัจจะมักจะได้รับสิ่งที่ไม่มีสัจจะกลับคืน ยิ่งอ้างว่า ครอบครัวชินวัตร ยังไม่ให้กลับบ้าน เพราะกลัวถูกหลอก โดยนัยยะข่าวนี้สะท้อนถึงมีการดีลกันมาต่อเนื่องนับตั้งแต่หาแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย แต่กลับไปไม่ถึง และไม่เป็นจริง

นายจตุพร กล่าวว่า นายทักษิณ ประกาศกลับบ้านหลายครั้งคงเชื่อว่า ประชาชนยังรักตัวเองอยู่มากมาย โดยประกาศกลับบ้านร่วม 20 ครั้งแต่ไม่กลับ เท่ากับมุ่งหวังผลเพียงคะแนนเสียง จนการเลือกตั้งปี 2566 ได้เปลี่ยนกระดานการเมืองไปมาก และเป็นบทเรียนของคนไม่ยึดมั่นสัจจะวาจา ซ้ำร้ายชอบหลอกเอาความรู้สึก ความศรัทธาของประชาชนมาเป็นของเล่น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ข่าวครอบครัวชินวัตรหารือไม่ให้ทักษิณกลับบ้านนั้น เริ่มออกอาการรวนมาตั้งแต่ผลเลือกตั้งไม่เป็นไปตามเป้าหมายแลนด์สไลด์ หรือพรรคเพื่อไทยไม่มาอันดับหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกลมาแรงแซงโค้งชนะเลือกตั้งเป็นพรรคที่หนึ่ง จึงต้องมีการจัดเกมการเมืองกันใหม่ในการกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม ตนย้ำเสมอว่า ไม่มีใครห้ามทักษิณกลับบ้านเลย แต่ผู้นำที่จิตใจมีแต่ความขลาดกลัว จึงไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ

“มีรองนายกฯ และรัฐมนตรีสมัยทักษิณ มีอำนาจ อย่างน้อยต้องติดคุก ส่วนเสื้อแดงก็เข้าคุก และบางคนตายในคุกก็มี แต่ทักษิณ คนเป็นหัวหน้าคนอื่นต้องมีความละอาย เมื่อลูกน้องไม่หนี ตัวเองจะหนีไม่ได้ ต้องอยู่จนวินาทีสุดท้ายของการต่อสู้หรือการทำหน้าที่นั้นๆ แต่ทักษิณหนีไป ส่วนคนไทยเป็นคนให้โอกาสตลอดเวลา และพร้อมรับคำโกหกของทักษิณ ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

นายจตุพร กล่าวอีกว่า แม้มีบางคนวิเคราะห์การไม่กลับบ้านของทักษิณ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่วันที่ทักษิณออกจากไทยล่าสุดเมื่อปลาย ก.ค. 2551 ก็ไปในวันที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (หลังจากไทยรักไทยถูกยุบ) เป็นนายกฯ จนไม่กล้ากลับมา

ดังนั้น การไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกลับบ้าน แต่อยู่ที่ตัวของทักษิณเอง จะยืนหยัดและพร้อมน้อมรับคำพิพากษาของศาลที่ตัดสินคดีจนถึงที่สิ้นสุดให้จำคุก 10 ปีหรือเปล่า รวมทั้ง ย้ำว่า ทักษิณ ไม่อยากติดคุก ตราบใดถ้ายังคิดว่าตัวเองจะต้องเข้าเรือนจำก่อนนั้น ก็ไม่มีทางได้กลับมา และยิ่งพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็กลับมาไม่ได้ เพราะกลับมาไม่ติดคุกคนก็ออกมาเต็มถนน

“ยังไม่เข็ดเรื่องการนิรโทษกรรมสุดซอยกันอีกหรือ ถ้าทักษิณ ประกาศกลับในช่วงวันเกิดและไม่เป็นภาระกับพรรคเพื่อไทย แล้วยังให้สัจจะวาจาจะกลับในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรักษาการนายกฯ อยู่ แค่การที่ตัวเองเบี้ยวหลายรอบ ผิดสัจจะนับสิบหน จุดจบของคนชอบหลอกคนอื่น คือ ตัวเองก็จะถูกหลอกเช่นกัน”

อีกทั้ง เห็นว่า อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ พูดยืนยันการกลับบ้านในเดือน ก.ค. ซึ่งใกล้มาแล้ว ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่เป็นใจอะไรให้กลับบ้านเลย ดังนั้น การทรยศ หักหลัง หลอกลวง ประชาชน จะกลายเป็นโมฆะบุรุษทันที หรือจากรัฐบุรุษก็กลายเป็นทรราช

“คนผิดสัจจะวาจาครั้งแรกก็เสียคนแล้ว แต่ทักษิณผิดวาจากลับบ้านมาตั้ง 20 ครั้ง จึงไม่มีความเป็นคนให้เสียได้อีกแล้ว ดังนั้น เกมนี้เหมือนโยนหินถามทาง ย่อมมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาเกมการเมืองในอนาคตที่ใครไม่คาดคิดว่า จะกล้าทำ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นย่อมมีร่องรอยเสมอ”

ดังนั้น ตนเคยวิเคราะห์ไว้ว่า สุดทางเดินการเมืองจะนำไปสู่การรัฐประหาร และขณะนี้เกมยังเดินอยู่ระหว่างทาง และยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รอแจกใบเหลือง ส้ม หรือดำ และยังจะมีจำนวนที่มากกว่าที่ระบุออกมาด้วย เพราะนี่คือเกมระหว่างทางไปสู่การยึดอำนาจปลายทาง

อีกทั้ง การไม่กลับบ้าน โดยอ้างกลัวถูกหลอก ทั้งที่ความจริงแล้วทักษิณไม่ต้องการกลับมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เอาลูกสาวสมัครแคนดิเดตนายกฯ เพื่อหลอกเอาความรู้สึกของประชาชนมาเป็นของเล่น ดังนั้น การเมืองครั้งนี้จะเห็นความตลบตะแลงที่ใหญ่มาก แต่ต้องแลกมาด้วยวิกฤตศรัทธา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของวิกฤตศรัทธาคือ การลวงโลกและการดูถูกประชาชน โดยพยายามเจรจาแลกเปลี่ยน ถ้าทำกันจริงประชาชนจะต่อต้านอย่างรุนแรง

“เกมกลับบ้าน ใช้เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองมาตั้งแต่ต้น จึงอย่าได้ประมาท แม้ใจของทักษิณไม่กล้าก็ตาม แต่การบอกกลับบ้าน ซึ่งเป็นการหลอกลวง เป็นธรรมชาติของผีที่ชอบหลอกมาตลอด จนไม่มีความละอายใจเลย เมื่อเป็นผู้นำแล้วประกาศกลับบ้าน ถึงจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ต้องกลับ กลัวอะไรกับติดคุก ลูกน้องคุณยังไม่กลัวกันเลย”

นายจตุพร ย้ำว่า การห้ามทักษิณกลับบ้าน โดยอ้างกลัวถูกหลอก นั้นหมายความว่า มีการดีลกันมาตลอด เป็นดีลที่ถูกปัดและปฏิเสธมาแต่ต้น จนผลเลือกตั้งไม่เป็นไปตามความต้องการ แม้ปฏิเสธไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในภายหลัง แต่คนไม่เชื่อคำพูดเสียแล้ว

“ถ้ากลับมาในวัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รักษาการ แล้วเข้าคุกจะกลัวเรื่องการถูกหลอกทำไม เพราะการเข้าคุกเป็นไปตามคำพิพากษา แต่การไม่กลับมาทำให้เสื่อมหนักไปอีก ยิ่งมาถึงวันเลือกประธานสภา แล้วมาโหวตนายกฯ หากเป็นไปตามการแลกเปลี่ยนกันแล้ว จะยิ่งทำให้เกิดวิกฤตศรัทธารุนแรง ประชาชนจะออกมาเต็มท้องถนนแล้วจะปกครองกันอย่างไร”

พร้อม สงสัยว่า เพียงแค่วันที่ 8 มิ.ย.เท่านั้น ทำไมต้องรีบสื่อสารจะไม่กลับบ้านกันแล้ว นอกจากต้องการตรวจสอบอาการของคนว่า ใครหลอกใคร ที่ถูกหลอกกันมาเป็นทอดๆ เช่นกัน เพราะเป็นคนไม่มีสัจจะ ชอบหลอกคนอื่น ย่อมถูกคนอื่นหลอกไม่แตกต่างกัน ซึ่งทางเดินของโมฆบุรุษจึงเป็นเช่นนี้ ต่อไปพูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ นอกจากบอกชื่อตัวเองเท่านั้น ซึ่งเป็นความจริงเดียวที่เหลืออยู่

นายจตุพร ประเมินว่า เมื่อยิ่งใกล้วันทักษิณกลับบ้านใน ก.ค.นี้ เกมการเมืองเดินมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ตนคาดว่า กรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน่าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ จะได้เข้าประชุมสภาผู้แทน ได้เลือกประธานสภา ซึ่งเป็นคนของพรรคเพื่อไทย โดยอาจเป็นนายสุชาติ ตันเจริญ หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นตัวเลือกจะได้รับตำแหน่ง

“หลังจากนั้น ช่วงรอพระบรมราชโอกงการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งประธานสภาและรองประธาน จะเป็นช่วงเวลาที่นายพิธา จะถูกศาล รธน.สั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่จะเห็นร่องรอยความขัดแย้งแล้ว เนื่องจากการเลือกประธานสภา ย่อมรู้ได้ชัดเจนแล้วว่า ใครจะเลือกใครอย่างไร”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทวี' พร้อมให้ตรวจสอบ ลั่น! 'อะไรที่กฎหมายไม่เขียนให้เราทำได้เราก็จะไม่ทำ'

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว. ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรณีที่ถูก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ร้