
“อดุลย์”หวั่นการจัดตั้งรัฐบาลนำไปสู่ความขัดแย้งนองเลือด แนะทุกฝ่ายมองโลกบนความเป็นจริงพรรคอันดับหนึ่งตั้งไม่ได้ก็ต้องให้พรรคอันสองเป็นแกนนำ ถึงเวลารอมชอมสามัคคี นำนโยบายที่เหมาะสมและบุคคลทีมีความสามารถจากทุกพรรคร่วมกันจัดตั้ง “รัฐบาลช่วยชาติ” ดัน “ประวิตร”เป็นนายกฯ แล้วออกกฎหมายเพื่อความสมานฉันท์ นิรโทษกรรมคดีการเมือง ปฏิรูปประเทศทุกด้าน 2ปี ยุบสภา เตือน “ก้าวไกล” อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า”กลุ่มอนุรักษ์นิยม”ต้องปรับตัว
16 ก.ค. 2566 – นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’๓๕ อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ ว่า ผลการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่เหนือความคาดหมาย เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่าสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) จะไม่โหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้เสียงตามเป้าหมาย ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมือง เนื่องจากพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เมื่อมีการสลับขั้วก็จะเกิดการชุมนุมต่อต้านจากอีกฝ่าย หากปล่อยให้ดำเนินการไปเช่นนี้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นนองเลือดอีก จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องรอมชอมสามัคคีกัน เพื่อทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริงและยั่งยืน เพระทุกพรรคการเมืองมีทั้งจุดแข็งจุดอ่อน ขั้วรัฐบาลเดิมก็ล้าหลังประชาชนไม่ยอมรับ ขั้วรัฐบาลใหม่ก็สุดโต่งและสุ่มเสี่ยงนำไปสู่ขัดแย้ง จึงควรเอานโยบายที่เหมาะสมจากทุกพรรคการเมืองมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง และเชิญบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถจากทุกพรรคมาร่วมกันเป็น ”รัฐบาลช่วยชาติ” โดยไม่ยึดติดโควตา
“การมองสถานการณ์การเมืองไทยต้องอยู่บนโลกความเป็นจริง อย่าโลกสวยเพ้อฝันเกินความเป็นจริง เมื่อพรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะโหวตอีกรอบก็ไม่ได้อยู่ดี พรรคอันดับสองคือเพื่อไทย ก็มีความชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่หากคนของเพื่อไทยจะเป็นนายกฯเอง ส.ว.ก็คงไม่โหวตให้อีก จึงเหลือทางเลือกสุดท้ายคือสลับขั้วมาจับมือกับ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย ร่วมเป็นแกนนำ โดยให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเชื่อว่าจะได้รับเสียงโหวตจากส.ว.จนครบ และเพื่อให้สามารถเริ่มกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ในสังคมได้ทันที ตามแนวทาง ก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยออกกฎหมายเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ส่วนคดีที่เกี่ยวกับ ม.112 เป็น พระราชอำนาจ ซี่งพระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าอยู่แล้ว
จากนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย ปฏิรูปประเทศทุกด้าน เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่สถานการณ์สงบเรียบร้อยภายใน 2 ปี ก็ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่ทังนี้หากไม่มีการปฏิรูปประเทศ ความขัดแย้งก็จะขยายตัวอีก มีแต่หนทางนี้เท่านั้นที่จะนำพาสังคมไทยออกจากความขัดแย้งและสร้างความสมานฉันท์ได้”นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใช้สติพิจารณามากกว่าใช้ความรู้สึกหรือกระแส ให้ความสำคัญแก่ประเด็นความเป็นธรรมาภิบาลในสังคมและการปฏิรูปประเทศเพื่ออนาคต มากกว่าการลดแลกแจกแถมหรือ นโยบายประชานิยม เป็นการลงโทษพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยากจะอยู่ยาว จนสร้างความเดือดร้อนแสนสาหัส ทำให้ประเทศล้าหลัง คนรุ่นใหม่ไร้ซึ่งอนาคต ประชาชนจึงอยากเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น เนื่องจาก 9 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจไม่ได้ปฏิรูปบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจ และกระบวนการยุติธรรมที่ล้าหลัง ความเหลื่อมล้ำจึงขยายตัวทุกด้านมากกว่าเดิม แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าผู้ที่ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกพรรคก้าวไกล ซี่งมีทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแนวทางของพรรคก้าวไกลทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
“จึงขอเตือนพรรคก้าวไกลให้ระมัดระวังในเรื่องการปลุกกระแสความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย เลือกข้าง สร้างความแตกแยก จะไม่เป็นผลดีต่อตัวเองและส่วนรวม ยิ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังเคารพศรัทธา และขอฝากฝ่ายอนุรักษนิยมต้องปรับตัว อย่าฝืนกระแสการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาของคนรุ่นใหม่แล้ว อย่าลืมว่ากาลเวลาเป็นผู้ชนะเสมอ แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆต้องคำนึงถึงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย จะเดินตามชาติตะวันตกที่ไม่มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ อย่าหักโหม หักด้ามพร้าด้วยเข่า จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาอีก เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ยุคนี้ ทั้งนี้คนไทยอย่าคิดแบบโลกสวย ต้องมองความจริงที่ปฏิบัติได้ด้วย ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผล มีความสามัคคีสมานฉันท์ ”นายอดุลย์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไหม' ผวา! หากเลือกตั้ง 'ปชน.' ไม่แลนด์สไลด์ โอกาสเป็นฝ่ายค้านสูงถึง 80-90%
ศิริกัญญา ยอมรับหวั่นใจเรื่องเดียวที่น่าจะเป็นปมในใจเราตั้งแต่ปี 66 นั่นคือการชนะเลือกตั้งแล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล
‘อดุลย์’ แนะฝ่ายค้านไม่ควรยื่นซักฟอก เหตุทำแก้รธน.เสียของ
“อดุลย์”เบรกฝ่ายค้านไม่ควรยื่นญัตติซักฟอกเพราะนายกฯจะชิงยุบสภาฯก่อนทำให้ร่างแก้ไขรธน.ตกไปทั้งหมด แนะไม่ต้องมีสสร.จะขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.และเสียเวลา กมธ.ยกร่างรธน.ต้องมาจากหลากลายปิดช่องการครอบงำ ‘คนละครึ่งพลัส’ ช่วยกระตุ้นศก.แต่ไม่ควรทำต่อเนื่องสร้างภาระหนี้ให้ลูกหลาน จี้นายกฯใช้ความเด็ดขาดล้างบ้างขรก.ทุจริตต้นเหตุทุนสีเทา
เช็กชื่อ 'สส.-สว.' หนุนร่างแก้ รธน.พรรคส้ม
เช็กชื่อ 'สส.-สว.' หนุนร่างแก้ รธน.พรรคส้ม ทำ 'รัฐบาล' หน้าแหก พบสภาสูงยกมือโหวต 27 เสียง หาย 37 ขณะ 'เพื่อไทย' ตบเท้าสางแค้นสำเร็จ ด้าน 'ชาติไทยพัฒนา' พร้อมใจไม่ปรากฎยกพรรค
'บวรศักดิ์' เปิด 2 แนวทาง ไทม์ไลน์ลงมติแก้ รธน. วาระ 3 อยู่ที่พรบ.ประชามติ มีผลบังคับใช้
"บวรศักดิ์" วางแนวทางยุบสภา-วันเลือกตั้ง 29 มี.ค.69 แนะรัฐสภา-รัฐบาล ประสานเวลาให้ดี พร้อมเสนอไทม์ไลน์ลงมติแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ขึ้นอยู่กับพรบ.ออกเสียงประชามติใน 2 กรณี 1.ฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ และ 2.ฉบับใหม่ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ
หลอน! สว.นันทนา ขอดวงวิญญาณวีรชน 14 ตุลา ปัดเป่ามารร้ายทายาทอสูรซากเดนเผด็จการให้พ้นร่างรธน.ฉบับนี้
สว.นันทนา ไม่รับหลักการร่างแก้ รธน.ของ ภท. ไม่เห็นหัว ปชช. หวั่นได้ สสร.-รัฐธรรมนูญฉบับสีน้ําเงิน หวังรัฐบาลจริงใจผลักดันทําประชามติ อย่างเสรีเป็นธรรม พร้อมขอดวงวิญญาณวีรชน 14 ตุลาฯ โปรดปัดเป่าซากเดนเผด็จการให้พ้นด้วยเทอญ
ดร.ณัฏฐ์ ชี้จัดทำรธน.ฉบับใหม่จะผ่านหรือไม่ อยู่ที่ขั้วสีน้ำเงิน!
“ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คนละขั้นตอนกัน ร่างฉบับ 3 พรรคการเมื

