25 ก.ค. 2566- ที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 อย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ พร้อมทั้งปลูกฝังกำลังพลทุกนาย ให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบสุขให้กับประชาชนในประเทศ
ในวันนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านต่าง ๆ ดังนี้
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงแนวทางดำเนินการด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย โดยด้านการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน ยึดถือตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ 17 การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ.2566-2570 ของสำนักงานสภา-ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีกลไกการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กรมกิจการชายแดนทหาร รับผิดชอบงานด้านการจัดระบบป้องกันและการสื่อสาร เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน รวมถึงการรักษาความมั่นคงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน สำหรับการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยกองทัพไทย มีศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย รับผิดชอบด้านการอำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์
กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยได้เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างและแผนปฏิบัติการ ด้วยการปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 รวมถึงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2564 ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล โดยการให้ความรู้ พัฒนาขีดความสามารถกำลังพล รวมถึงสนับสนุนกำลังพลในการเข้ารับการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกระดับการเกิดภัย อาทิ การเตรียมความพร้อมชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วและการฝึกแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่า (Bush Fire SMEE 2023) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ โดยการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดทำโครงการเสริมสร้างชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ให้มีขีดความสามารถในการค้นหาและกู้ภัยเบื้องต้น เป็นมาตรฐานสากลสามารถปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กองทัพเรือ ได้นำเสนอขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียง การเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ มีความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ โดยมีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น 196 นาย มีคุณลักษณะความยาวตลอดลำ 213 เมตร ความกว้าง 28 เมตร กินน้ำลึก 7 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด20,003 ตัน ทำความเร็ว 23 นอต ทนแรงคลื่นสูงกว่า 14 เมตร มีความเหมาะสมในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ การพักอาศัย การประกอบอาหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยมีห้องปฏิบัติการแพทย์ จำนวน 11 ห้อง ห้องผู้ป่วย 3 ห้อง ส่วนรักษา 8 ห้อง แบ่งเป็นห้อง X-ray ห้องทันตกรรม ห้องศัลยกรรม ห้องตรวจโรค ห้องยา ห้อง LAB ห้องฆ่าเชื้อ และห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรองรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ 2บนเรือได้ เรือหลวงช้างจึงเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศในยามสงครามและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในยามสงบได้อย่างสมบูรณ์
กองทัพอากาศ ได้ชี้แจงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนของกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแผนปฏิบัติราชการซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ2561 ถึง พ.ศ.2580 ด้านการช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุนอากาศยานปฏิบัติภารกิจฝนหลวง การสนับสนุนอากาศยานเพื่อปฏิบัติการควบคุมไฟป่า การสนับสนุนอากาศยานในการค้นหาอากาศยานและเรือที่ประสบภัย และการสนับสนุนอากาศยานในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานผลการปฏิบัติของ ตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนการนำส่งผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล ช่วยคลอดฉุกเฉิน แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงการเป็นวิทยากรให้ความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ความรู้จราจรเบื้องต้น ความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนการจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุภัยพิบัติ และน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร โดยตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริได้ทุ่มเทกำลัง ความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ตามแนวทางพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในสังคม และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับและทุกด้านกับนานาประเทศ เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ อีกทั้งให้มีการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ให้มีความพร้อมเผชิญภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เหล่าทัพจัดเตรียมกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้มีความพร้อมเพื่อเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น อันเป็นการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันต่อสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปีติ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 91 พรรษา
นายกฯ-ภริยา นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระพันปีหลวง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2566
หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน 4 ภาค ร่วมทำบุญและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระพันปีหลวง
นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย และตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางนิตยา นาโล หรือ “นักสู้ปอสี่” ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคอีสาน นายไวทิต ศิริสุวรรณ ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคกลาง นายทวี ประหยัด
ปฏิบัติเฉพาะสิ่งที่ควร พระราชดำรัสเสด็จออกมหาสมาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกมหาสมาคม ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566
'อนุทิน' บินร้อยเอ็ด ทำภารกิจหัวใจติดปีก เนื่องในวันมหามงคล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ภาพวันนี้ช่วงเวลานี้ ทำภารกิจหัวใจติดปีก
MEA เชิญชวนชมไฟประดับ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10
นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา