'บิ๊กโจ๊ก' ตั้งทนายสู้คดี ขู่ฟ้องกราวรูด!

27 ก.ย.2566 - ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เปิดเผยว่าวันนี้ตนได้มอบหมายให้ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ดำเนินการยื่นคำร้องขอศาลไต่สวนการละเมิดอำนาจของศาลในการขอออกหมายจับและการขอออกหมายค้นของชุดปฏิบัติการกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นสองส่วน คือ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เรื่องการออกหมายนายตำรวจทั้ง 8 นาย เพราะพบว่าไม่มีการระบุยศหรือตำแหน่งของนายตำรวจ โดยถ้าหากมีการระบุต่อศาลให้ละเอียด ศาลจะไม่มีการอนุมัติหมายจับ แต่จะต้องออกหมายเรียกก่อน

อีกทั้งในการขอออกหมายจับนั้น ชุดปฏิบัติการดังกล่าวยังมัดรวมกับพลเรือนอีก 15 ราย อย่างไรก็ต้องไปขอหมายเรียกหรือหมายจับที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพราะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมอยู่ในนั้น การขอหมายจับที่ผ่านมา ถือเป็นการสอดไส้ เป็นการหลอกศาลอาญากรุงเทพใต้และยังหลอกศาลอาญารัชดาภิเษกอีกด้วย เพราะหมายค้นที่มีการเข้าค้นบ้านตนย่านวิภาวดีรังสิตนั้น ชุดดำเนินการได้ไปขอหมายค้นจากศาลอาญารัชดาโดยไม่แจ้งศาลว่าเป็นที่พักของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าเจ้าของบ้านทั้ง 5 หลังดังกล่าวมีพลเรือนเป็นเจ้าของ ซึ่งตนยอมรับว่าบ้านทั้ง 5 หลังนี้ชื่อของเฮียแต๋ม เป็นเจ้าของจริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนได้ตั้งข้อสงสัย คือ การออกหมายจับนายตำรวจติดตามตัวเอง หรือ พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ทราบว่ามีการออกหมายตับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 ก.ย. และมีการออกหมายค้นในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย. ซึ่งสารวัตรนนท์ไม่ได้นอนพักที่บ้านในหมู่บ้านดังกล่าวแต่อย่างใด เจ้าตัวพักอยู่แฟลตตำรวจพญาไท ดังนั้น ทำไมชุดจับกุมไม่เข้าจับกุมสารวัตรนนท์ตั้งแต่วันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ดำเนินการมาจับที่หน้าบ้านพักของตนในวันที่ 25 ก.ย.แทน จึงมองว่าเป็นลักษณะการแบ่งงานกันทำ มีพฤติการณ์ร่วมกันปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล จากการขอหมายค้นและหมายจับดังกล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเรามีอำนาจสอบสวนแล้วทำแบบนี้ ต่อไปตำรวจจะทำงานยากขึ้น การทำแบบนี้นั้น งานสืบสวนจะเหนื่อยขึ้น เพราะศาลจะตรวจละเอียดขึ้น อนุมัติหมายจับหรือหมายค้นยากขึ้น เพราะในกรณีนี้มีการหลอกศาล

รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับหมายจับสารวัตรนนท์ (นายตำรวจที่ติดตามตัวเอง) ท้ายคำร้องของพนักงานสอบสวนมีการระบุอาชีพหรือไม่ ตนไม่ทราบ ยังไม่เห็นว่าเขาระบุอาชีพอะไร ปกติหมายจับ ศาลดูตำแหน่งก่อน และดูรายละเอียดทั้งหมด ทำไมไม่เขียนยศ ตำแหน่ง ซึ่งก็ส่อพิรุธ เพราะต้องรู้ตั้งแต่การสืบสวนสอบสวนมาอยู่แล้วว่าจะไปค้นหรือจะจับกุมใคร ขอให้จับตาดูเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และนี่ไม่ใช่ยุค คสช. กรรมการสิทธิมนุษยชนก็จะออกมาแน่นอน อีกทั้งที่ผ่านมาในคดีกำนันนก ตนขอศาลออกหมายจับ ก็ระบุยศตำแหน่งของตำรวจ ซึ่งศาลก็ออกให้

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งแต่ลูกน้องได้ประกันตัว ทั้งหมดได้โทรศัพท์มาพูดคุยหรือขอโทษไหมที่ทำให้เราเดือดร้อนไปด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้พบหมดแล้ว บางคนก็ขอโทษ แต่ตนไม่ได้ตำหนิ บางอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อันไหนที่เขาไม่ผิดเราก็ต้องดูแล อันไหนผิด เขาก็ต้องไปพิสูจน์ แต่รายละเอียดยังไม่ได้พูดตรงๆ เพราะเมื่อวานนี้พบกันก็ดึกแล้ว เดี๋ยววันนี้จะมีการพูดคุยกัน

"ผมรู้ว่าใครเป็นคนดำเนินการกับเรื่องราวทั้งหมด รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง แต่ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่อยากให้ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องเขาได้มีทางเดิน ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเอง คงตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมถึงไม่เปิดรายละเอียดทั้งหมด" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ขณะที่ นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ทีมทนายความ เราดูกันสองส่วน ส่วนแรกดูในเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนลูกน้องที่โดนดำเนินคดีก็ทีมนึง เราจะดูทั้งหมด รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อของทุกคนและการออกสื่อของบางสำนักจะดำเนินคดีทุกคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเราจะตั้งวอร์รูมให้ติดตามข่าวสารทางสื่ออย่างใกล้ชิดและจะทยอยฟ้องเรื่อยๆ

"ยืนยันว่าไม่ได้ฟ้องเพื่อเตะตัดขาแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิ ดังนั้น
อย่าร้องแรกแหกกระเชอหลังถูกฟ้องแล้ว และเตือนอีกครั้ง หน่วยงานที่รู้ข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงินทางธนาคาร เดี๋ยวท่านจะโดนข้อหานำความลับส่วนตัวมาเปิดเผย" นายอนันต์ชัย กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ. 2548 ซึ่งในข้อ 11 เท่าที่ตนได้อ่านคร่าวๆพบว่า คำร้องขอให้ศาลออกหมายค้นจะต้องมีรายละเอียดและเอกสารประกอบ เช่น การให้ระบุสถานที่ที่จะค้น บ้านเลขที่ ชื่อตัวสกุล และสถานะของเจ้าของหรือผู้ครอบครองเท่าที่ทราบ และวันนี้ก็จะรู้ว่าเมื่อศาลรับไต่สวน จะต้องมีการเบิกความสู้กัน ตนจะให้ทนายอนันต์ชัยไปเบิกความ แต่ตนก็ห่วงว่าลูกน้องจะเดือดร้อน เพราะพวกที่ไปขอหมายนั้นเป็นนายตำรวจตัวเล็กๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ พล.ต.ต.นำเกียรติ เข้ามาเพื่อเคลียร์คดีอื่นๆที่เจ้าตัวรับผิดชอบ ตามหลักการหากศาลยังพิพากษาไม่ถึงที่สุดก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังทำงานได้ปกติ เขาไม่เครียด ส่วนจะถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับต้นสังกัด แต่ต้องดูว่าเขาไปมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. 1 ใน 8 ลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกออกหมายจับและได้รับการประกันตัวต่อศาลเมื่อวานนี้ ได้เดินทางเข้าภายในอาคารสโมสรตำรวจ เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวระบุสั้นๆ ว่าไม่มีอะไรครับ และไม่กังวลใดๆ ทั้งนี้ เจ้าตัวสวมเสื้อยืดสีขาว คอปกสีฟ้าพร้อมกับถือแท็บเลตเหน็บข้างกาย ก่อนรีบสาวเท้าเข้าห้องพนักงานสอบสวน โดยไม่ตอบคำถามใดๆกับสื่อมวลชนอีก สังเกตด้วยว่าเจ้าตัวมีสีหน้าผ่อนคลาย ไม่พบความเครียดหรือความวิตกกังวล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ เสียสละช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย

ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ "ผู้เสียสละ" เร่งช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย ย้ำ "ตำรวจคือครอบครัวเดียวกัน" พร้อมดูแลสวัสดิการเต็มที่

บึ้มสนั่น! หนุ่มโรงงานลอบทำพลุขายปีใหม่ พลาดเจ็บสาหัส

ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเกิดเหตุพลุระเบิด ที่ห้องเช่าเป็นห้องแถว หมู่ที่ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง

'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่

สะเทือน! สภาทนายฯ ดับแสง 2 ทนายดัง ‘ลบชื่อ-พักใบอนุญาต’ ปฏิบัติการกวาดบ้านครั้งใหญ่

คำสั่งลบชื่อและพักใบอนุญาตสองทนายดังจุดแรงสั่นสะเทือนในวิชาชีพ เพราะหนึ่งในคดีถูกยื่นค้างมาตั้งแต่ปี 64 ก่อนระเบิดเป็นปฏิบัติการกวาดบ้านครั้งใหญ่ที่ทำให้สังคมหันมาจับตาบทบาทของสภาทนายความอีกครั้ง