'อดีตรองอธิการฯมธ.' ชำแหละพรรคบ้ากาม พรรคลุยไฟ คราวหน้าถ้ามาอีกประเทศนี้อยู่ยาก

ลองคิดดูว่า หากพรรคการเมืองทั้งสองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง หากการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้ง 2 พรรคการเมืองนี้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 อีก เราคงอยู่ประเทศนี้ได้ยากเสียแล้วครับ

17 ต.ค.2566- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุข้อความว่าพรรคการเมือง 2 พรรคของประเทศไทย จากการเลือกตั้งครั้งหลังสุด พรรคหนึ่งได้จำนวนส.ส.มาเป็นอันดับที่ 1 อีกพรรคหนึ่งได้จำนวน ส.ส.มาเป็นอันดับที่ 2

หลังจากที่ต้องแสดงละครกันหลายฉาก พรรคที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับที่ 2 ได้เป็นรัฐบาล ตั้งแต่ได้เป็นรัฐบาล นอกจากความจำเป็นเฉพาะหน้าที่ต้องช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนอกจากหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง digital wallet 10,000 บาท ยังคงดึงดันจะทำให้ได้ คนท้วงติงก็ว่ามีอคติบ้าง ไม่เห็นหัวคนระดับรากหญ้าบ้าง นักเศรษฐศาสตร์และนักการเงินชั้นนำของประเทศร่วมร้อยคน ซึ่งรวมทั้งอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 2 คน อดีตรองผู้ว่าฯอีกหลายคน และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีก 5 คน ร่วมลงชื่อคัดค้าน พร้อมให้เหตุผลเป็นข้อๆอย่างปราศจากอคติ แต่เป็นเพราะความเป็นห่วงใยต่อประเทศชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันก็ไม่เห็นด้วยแต่ด้วยมารยาทจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อด้วย หลังจากนั้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในประเทศก็ได้ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแถลงความคืบหน้า ซึ่งก็ไม่มีอะไรใหม่ ไม่ได้ให้ข้อมูลหรือความเห็นที่หักล้างเหตุผลของการคัดค้านแม้แต่ข้อเดียว บอกอย่างเดียวว่าไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะล้มเลิกนโยบายนี้ อีกเหตุผลก็คือ ไม่เคยได้ยินว่าใครอยากให้ล้มเลิก มีแต่ถามว่า เมื่อไรจะได้เงิน

ถ้าย้อนไปดูคำชี้แจงของพรรคนี้ต่อ กกต เกี่ยวกับที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ตามนโยบาย digital wallet 10,000 บาท ก็จะเห็นคำชี้แจงว่า ที่มาของเงินจะมาจากการบริหารงบประมาณปกติ และบริหารระบบภาษี แต่ในขณะนี้เป็นที่แน่ชัดว่าไม่สามารถทำอย่างที่ชี้แจงได้ และจนบัดนี้ยังไม่แน่ว่าจะเอาเงินมาจากที่ใด แสดงว่าคำชี้แจงต่อ กกต ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เป็นการชี้แจงแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แปลกที่ กกต ก็เชื่อตามนั้น ทั้งยังตีตกคำร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องนี้ทุกคำร้อง ว่าเรื่องนี้ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้และหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ดังนั้นหากมีการดำเนินนโยบายนี้จนได้และทำให้ประเทศต้องเสียหายจากการผิดนัดชำระหนี้ กกต จะรับผิดชอบอย่างไร

ขณะนี้นายกรัฐมนตรีกำลังเรียกร้องให้คนส่งเสียงสนับสนุนโยบาย digital wallet 10,000 บาท เพื่อสู้กับกระแสคัดค้าน สื่อว่าผู้คัดค้านไม่มีเหตุผลทั้งที่เขาเขียนเหตุผลชัดเจน ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าไปถามคนทั่วไปที่อาจมองไม่เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาต่อประเทศ ก็ล้วนเห็นด้วย เพราะใครๆก็อยากได้เงิน 10,000 บาทกันทั้งนั้น

เพราะอะไรนายกรัฐมนตรีและพรรคอันดับ 2 จึงไม่ยอมถอย และกล้า ขอใช้คำของศ.ดร.เมธี ครองแก้ว อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า “ลุยไฟ” เช่นนี้ นอกจากเป็นการนำเงินของประเทศมาใช้หาเสียงแล้ว มีเงื่อนงำอะไรที่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่หรือไม่ เรื่องการดึงดันต้องพัฒนาระบบ blockchain ไม่ยอมใช้ระบบที่มีอยู่แล้ว มีนัยยะอะไรหรือไม่ แต่ขอบอกเลยว่า โอกาสที่จะทำได้สำเร็จโดยไม่เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติมีน้อยยิ่งกว่าน้อย เมื่อเวลาผ่านไป เงื่อนงำทั้งหลายคงจะมีความกระจ่างขึ้นตามลำดับ ซึ่งเราจะต้องคอยติดตามกันต่อไป
มาถึงพรรคการเมืองอันดับที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน หากจัดประเภทส.ส.จะแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท

ประเภทที่ 1 คือส.ส.ที่เคยทำผิดกฎหมายมาก่อนแต่ปิดบังไม่ให้พรรครู้ เมื่อมีการเปิดโปงโดยคนนอกพรรค เนื่องจากขาดคุณสมบัติ จึงจำยอมต้องลาออกจากส.ส.

ประเภทที่ 2 คือประเภทที่ทำผิดตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง และกำลังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี ซึ่งรวมทั้งที่ทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อยู่ด้วยหลายคน คนเหล่านี้กรรมบริหารพรรคและคนในพรรคล้วนรู้ดี แต่ยังคงรับมาลงสมัคร ส.ส. คงเนื่องจากทราบว่าความผิดเรื่องที่เกี่ยวกับการชุมนุมประท้วง และความผิดตามมาตรา 112 บรรดาด้อมส้มไม่ใส่ใจว่าเป็นความผิด กลับยินดีจะลงคะแนนให้ ทั้งที่การกระทำของผู้สมัครเหล่านี้เป็นการเหยียบย่ำความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประเทศทั้งสิ้น แต่เขาเหล่านี้ก็ยังได้รับเลือกตั้งเข้ามา

ประเภทที่ 3 คือ ส.ส.ที่คนในท้องถิ่นรู้ดีว่า เป็นคนไม่มีความรู้ความสามารถ บางคนทั้งชีวิตไม่มีอาชีพ ได้แต่เล่นการพนัน พรรคก็ยังรับมาเป็นผู้สมัคร และกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลทำให้ได้รับเลือกตั้งเข้ามาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส.ส.ประเภทนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก

ประเภทที่ 4 คือ ส.ส.ที่ยังไม่เคยทำผิดจนถูกดำเนินคดี หรือถูกสอบทางวินัยโดยพรรค แต่เร่ิมออกลายให้เห็น เมื่อมีคนร้องเรียนในเรื่องต่างๆ เช่น มีการหลอกลวงเกี่ยงกับเรื่องเพศ คุกคามทาง เพศ ดื่มสุราในสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลา ทำร้ายร่างกายสุภาพสตรี เป็นต้น

ประเภทที่ 5 คือพวกที่ไม่ได้มีประวัติอย่าง 3 ประเภทแรก มีความรู้ความสามารถเพียงพอ แต่เป็นพวกที่มีทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แบบเดียวกับผู้นำพรรค และมีความเชื่อว่าพรรคยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย พรรคฝ่ายตรงข้ามก่อนการเลือกตั้งล้วนเป็นเผด็จการ

ขณะนี้มีแต่ข่าวที่ยิ่งทำให้พรรคอันดับ 1 เกิดความเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ นอกจากพบว่ามีส.ส.บางคนเคยต้องโทษจำคุก ต้องลาออกไป ส.ส.หลายคนทะยอยกันทำในสิ่งที่ขัดต่อจริยธรรม สวนทางกับอุดมการณ์ของพรรคอย่างสิ้นเชิง และสังเกตว่าการดำเนินการทางวินัยของพรรค มีความล่าช้าอย่างมาก ทั้งยังลงโทษสถานเบา ผู้ที่เป็นอดีตส.ส.คนหนึ่งมีเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากมีการสอบทางวินัยเป็นเวลายาวนาน ในที่สุดถูกขับออกจากพรรค แต่ผู้ที่เป็นส.ส.อยู่ในปัจจุบัน ที่มีเรื่องทำร้ายร่างกายสุภาพสตรีและทำให้เสียทรัพย์กลับถูกลงโทษสถานเบาเพียง ไม่ให้มีตำแหน่งใดๆในพรรค และไม่ให้เป็นกรรมาธิการสภา

ส.ส.คนล่าสุดที่ถูกร้องเรียนตั้งเดือนสิงหาคมว่ากระทำการคุกคามทางเพศทีมงานสาว ซึ่งใครๆดูแชทที่หลุดแล้วล้วนเห็นว่าเป็นการคุกคามทางเพศอย่างชัดแจ้ง เจ้าตัวออกมาชี้แจงก็ใช้วิธีเหมือนกับส.ส.คนอื่นๆในพรรคคือกล่าวหาคนอื่นว่าต้องการ discredit ตัวเอง กรณีนี้คณะกรรมการวินัยฯของพรรคกลับขอเวลาหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยยังไม่พิจารณาโทษใดๆ ผิดกับกรณีนายประดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯที่ทำผิดเพียงโฆษนาเบียร์ทาง social media นำงบรับรองของรองประธานสภาฯไปเลี้ยงหมูกะทะพนักงานทำความสะอาดสภา และไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กลับลงโทษด้วยการขับออกจากพรรคอย่างง่ายดายภายในวันเดียวโดยไม่ต้องมีการสอบทางวินัย

สิ่งที่คนเริ่มเห็นกันมากขึ้นถึงการ “ดีแต่พูด” ของพรรคนี้ก็คือ ที่อดีตหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเคยพูดหาเสียงไว้ ปัจจุบันเริ่มมีบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่ความจริงและไม่เป็นจริง เช่น การพูดว่า ทหารมีไว้ทำไม สมัยนี้เขาไม่รบกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธ การเล่นละครขับรองประธานสภาฯออกจากพรรค การกระทำที่สวนทางกับหลักการที่ตัวเองพูดไว้ การใช้เงินงบประมาณแผ่นดินไปดูงานต่างประเทศทั้งที่เคยพูดว่า ไม่ควรทำ ทำให้ได้เห็นว่า พรรคนี้ไม่ได้เป็นพรรคที่ก้าวหน้าอย่างที่เคยวาดภาพไว้แต่อย่างใด

ทั้ง 2 พรรคที่กล่าวมา หลังการเลือกตั้งใหม่ๆ ทั้ง 2 พรรคพยามจับมือกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แต่จัดตั้งไม่สำเร็จเนื่องจากสว.ส่วนใหญ่ขวางไว้ ทั้ง 2 พรรคจึงต้องแยกกัน พรรคหนึ่งไปร่วมกับพรรคอื่นๆจัดตั้งรัฐบาล อีกพรรคหนึ่งจำต้องลงมาเป็นฝ่ายค้าน

ลองคิดดูว่า หากพรรคการเมืองทั้งสองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง หากการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้ง 2 พรรคการเมืองนี้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 อีก เราคงอยู่ประเทศนี้ได้ยากเสียแล้วครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนาคตไกล' ฉะ 'ทักษิณ' แก้ปัญหาตนเอง-เฉลิม ให้ได้ก่อนคุยโวแก้ปัญหาบ้านเมือง

“อนาคตไกล” ฉะ “ทักษิณ ชินวัตร” จะแก้ปัญหาบ้านเมือง แก้ปัญหาตนเองและกรณีของ“เฉลิม อยู่บำรุง” ให้ได้ก่อน แค่ราคาคุยโว โชว์เหนือ ลมปาก เพียงวาทกรรมทางการเมือง

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ 'เศรษฐา' รอดคดีแต่งตั้งพิชิต เป็นรมต.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 14 ส.ค. จากก

'ทักษิณ' ปลื้มฉลองเบิร์ธเดย์ พร้อมหน้าครอบครัวเพื่อนพี่น้อง ขออยู่อีก 40 ปี

คนใกล้ชิดจัดเบิร์ธเดย์ล่วงหน้า 'ทักษิณ' ขณะที่ “เจ้าตัว” สุดปลื้มปีที่พิเศษ ได้อยู่พร้อมหน้าเพื่อนฝูงพี่น้อง พร้อมอวยพรตัวเองขออยู่อีก 40 ปี

'เลขาฯ พท.' ย้ำยึดตาม 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่ขับ 'เฉลิม' หวังเวลาช่วยเยียวยา

'สรวงศ์' ย้ำยึดตามหัวหน้าเพื่อไทย ไม่มีนโยบายขับ 'เฉลิม' ยันไร้ปัญหาภายในพรรค สมาชิกมุ่งมั่นทำงาน หวังเวลาช่วยเยียวยา