ยุ่งแล้ว ‘รสนา’ ยกความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ฟันเปรี้ยงดิจิทัลพรรคเพื่อไทยถึงทางตัน!

28 ต.ค.2566 - นางสาว รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ดิจิทัลพรรคเพื่อไทยถึงทางตันไม่สามารถเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้แล้ว ใช่หรือไม่?

ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยเงินดิจิทัลของเพื่อไทยไม่สามารถนำไปหมุนเวียนหลายๆรอบแบบเงินตราได้ ตามที่วินิจฉัยไว้ดังนี้

“พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 จากการตีความการดำเนินนโยบายตามข้อกฎหมายฉบับนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า สามาถดำเนินนโยบายได้ ถ้าสามารถเก็บเงินหรือให้ร้านค้าที่รับเงินเป็นคนสุดท้ายเบิกเป็นเงินสดออกมาได้ภายใน 6 เดือนตามระยะเวลาโครงการไม่ขัดกับกฎหมาย แต่ถ้าไม่เก็บกลับภายในระยะเวลาโครงการและยังปล่อยให้มีการนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายต่อจะถือว่าขัดต่อกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นสกุลเงินใหม่”

ดิฉันนำประเด็นนี้ไปขอความรู้จากอดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาท่านหนึ่ง ท่านให้ความเห็นกับดิฉันว่า มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา 2501 บัญญัติว่า ”ห้ามมิให้ทำ จำหน่าย ใช้ หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆแทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”

การฝ่าฝืนย่อมเป็นความผิดอาญาตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่มาตรา 9 ตราขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2501 ซึ่งยังไม่มีการใช้ app หรือดิจิทัลเทคโนโลยี ดังนั้น คำว่า “วัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ” ตามมาตรา 9 ดังกล่าวจึงน่าจะหมายถึงวัตถุหรือเครื่องหมายที่มีรูปร่าง เช่นธนบัตร เหรียญกษาปณ์ เท่านั้น ถ้าเงินตราที่เป็นเครื่องหมายตามมาตรา 9 ดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย่อมมีอำนาจอนุญาตให้ใช้แทนเงินตราได้

เมื่อapp หรือดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นวัตถุหรือเครื่องหมายที่ไม่มีรูปร่าง การใช้แทนเงินตราจึงต้องห้ามตามมาตรา 9 ดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะอนุญาตให้ใช้แทนเงินตราไม่ได้

หากอนุญาตก็ไม่มีผลตามกฎหมายให้ใช้แทนเงินตราได้ และรัฐมนตรีฯ ย่อมมีความผิดและได้รับโทษตามกฎหมายด้วยตามมาตรา35

การที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า “สามาถดำเนินนโยบายได้ ถ้าสามารถเก็บเงินหรือให้ร้านค้าที่รับเงินเป็นคนสุดท้ายเบิกเป็นเงินสดออกมาได้ภายใน 6 เดือนตามระยะเวลาโครงการไม่ขัดกับกฎหมาย แต่ถ้าไม่เก็บกลับภายในระยะเวลาโครงการและยังปล่อยให้มีการนำเงินดิจิทัลไปใช้จ่ายต่อจะถือว่าขัดต่อกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นสกุลเงินใหม่” อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาท่านนั้นจึงแสดงความเห็นว่า ไม่น่าจะทำได้ตามพรบ.เงินตราฯ มาตรา9 “

ดิฉันจึงขอแนะนำให้รัฐบาลนำความเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาว่าการแจกเงินคนละ 10,000 บาท ผ่านappหรือดิจิทัลเทคโนโลยีนั้นต้องห้ามตามมาตรา 9 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวหรือไม่ ? และสามารถทำได้ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยหรือไม่? เป็นการพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมาย

ส่วนประเด็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากมีการแจกเงินดิจิทัลนั้น รัฐบาลควรรับฟังความเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แล้วชั่งน้ำหนักว่าความเห็นของฝ่ายใดมีเหตุผลมากกว่า ไม่ควรยืนยันที่จะดำเนินการต่อไปโดยไม่พิจารณาความเห็นของทุกฝ่ายให้ละเอียดรอบคอบก่อน เพราะเสี่ยงต่อความรับผิดทางอาญาและทางแพ่งเหมือนคดีจำนำข้าวในอดีต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอวรงค์' ฟันธง! เพื่อไทยกำลังตกต่ำ ทำลาย 'หมอชลน่าน' จนหมดราคาเป็นเพียงลูกจ้างบริษัท

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า พรรคเพื่อไทยกำลังตกต่ำ โดยส่วนตัว ผมกับหมอชลน่าน

ดิจิทัลวอลเล็ตส่อขัดรธน.! อดีตรมว.คลังแนะกฤษฎีกาตีความ รัฐบาลล้วงงบฯจากปี67ด้วย

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์

ยุ่งแน่! ‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.เห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ต ฝ่าฝืนกม.หรือไม่

จากการติดตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐมนตรีพึ่งมีมติให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 นั้น

ก้าวไกล เดือดแทน ‘หมอชลน่าน’ ทุ่มเทเหนื่อยสุด โดนคนทิ้งพรรคเสียบเก้าอี้

‘ณัฐชา’ มอง ปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ‘เพื่อไทย’ ยังรักษาคาแรคเตอร์ ‘สมบัติผลัดกันชม’ เก้าอี้ รมต. เหมือนเดิม สงสัย ทำไมเอาคนทิ้งพรรคอย่าง ’สมศักดิ์‘ แทน ’หมอชลน่าน‘ เหตุเหนื่อยสุดแบกรับสถานการณ์ช่วงเลือกตั้ง-จัดตั้งรัฐบาล