ซวยแล้ว! จ่อออกหมายจับเพิ่มอีกราย คดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

5 ก.พ.2567 - พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าว เพื่อวางแนวทางการสืบสวนขยายผล และติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากออกหมายจับและสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญไปแล้ว 4รายคือ นายศรีสุวรรณ ,นายยศวิรศ ,นางสาวพิมณัฏฐา และนายเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นต้วการสำคัญ และผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า จากการประชุม น่าจะประมาณ วันที่ 7-8 ก.พ.67นี้หน้าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้ อย่างน้อย1คน เป็นคนในกลุ่มนี้ ที่มีพฤติการณ์ร่วมกัน ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้วจำนวนมาก เกินกว่า10ปาก ทั้งพลเรือน และข้าราชการ มีทั้งในกรมการข้าว และพยานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพราะเคสนี้มีหลายกรณีที่จะต้องหลักฐานเข้าสำนวนการสอบสวน ส่วนบัญชีม้า มีข้อมูลว่า สมัครใจที่จะเข้ามา ส่วนจะอยู่ในรูปผู้ต้องหาหรือพยานขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการก่อน ทั้งนี้ยังไม่ต้องมีการสอบภรรยาผู้ต้องหา เพราะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน และคดียังไม่จบยังต้องมีการสอบปากคำอีกหลายปาก

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนการให้การของผู้ต้องหาที่ให้ไปคำชี้แจง ภายใน15วันนั้น ขณะนี้ ก็ยังไม่มีการทำคำชี้แจงกลับมาให้พนักงานสอบสวน ขณะที่วงอื่นที่มีความเสียหาย 90-100 ล้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ก็มีผู้เสียหายเข้ามาหลายราย และยืนยันว่าจะเดินทางมา แต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามาให้ปากคำ ซึ่งในส่วนผู้เสียหายก็อยากให้เข้ามาแจ้งความ แต่ก็ไม่ได้บังคับ เพราะถ้ามาก็จะทำให้เปิดคดีของวงใหม่ได้ ซึ่งตรงนี้เรามีพยานหลักฐานข้อนค้างชัดเจน ถ้ามีการแจ้งความดำเนินคดี ตนเองยังเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีไฟไหม้ชั้น2ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่วงอื่นนั้นตนเองยังไม่ทราบ และยืนยันว่า ตำรวจทำไปตามพยานหลักฐานและอะไรที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงก็พยายามเจาะข้อมูลไป ส่วนจะไปเกี่ยวข้องกับใครหากไม่มีพยานหลักฐานก็ยังไม่สามารถพูดได้ และพยานหลักฐานคดีการทุจริต เป็นการทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้เก็บพยานหลักฐานเพียงแค่แปปเดียวแล้วจบเลย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า หลักฐานเบื้องต้นมีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเผาทำลายให้หายไป และเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเก็บในที่อื่น ส่วนจะมีเจตนาเผาทำลายหรือเป็นอุบัติเหตุให้พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบก่อนส่วนมีตัวการที่ใหญ่กว่านายเอกลักษณ์หรือไม่ การนำพยานหลักฐานเข้ามาร้อง คนบางคนต้องการตำแหน่ง บางคนต้องการเงิน แนวทางการสืบสวนพอรู้ แต่พอสอบเข้าสำนวน ค่อนข้างที่จะยากนิดหนึ่ง

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)มีความเป็นห้วงเพราะคดีขยายวงกว้าง พยานหลักฐานที่จำนำเข้าสู่สำนวนต้องทำให้ทันส่งอัยการ เพราะ ปปป.มีกำลังพลน้อยมีคดีเยอะ จึงนำชุดสืบสวนสอบสวนเข้ามาช่วย โดยได้ตั้งรูปแบบคณะกรรมการสอบสวนเข้ามา มี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. ที่ดูแลงานสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะฯ คาดว่า จะส่งสำนวนได้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ2เดือน และการสรุปสำนวนคดี ขณะนี้ ยังมีเวลาอีกเยอะ เพื่อทำพยานหลักฐานให้แน่นหนา และเราเก็บพยานหลักฐานมา 3-4เดือน โดยที่กลุ่มผู้ต้องหาไม่รู้ตัว ปล่อยไก่ ประมาทเลินเล่อ ทำกันเป็นประจำโดยไม่คิดว่ามีคนเข้ามาร้องมาสู้ และทำให้ทิ้งพยานหลักฐานไว้เยอะ พร้อมยืนยันย้ำว่า คดีนี้ยังไม่มีใครโทรเข้ามาขอเคลียร์ ยืนยันแน่นอน ไม่มี สบายใจได้ อยู่ที่นี่โปร่งใสตรงไปตรงมาตามสโลแกนของตำรวจสอบสวนกลาง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้นำข้อมูลของข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2คน ที่พบว่าเป็นคนให้ข้อมูลของกรมการข้าวกับกับนายเอกลักษณ์ หนึ่งในผู้ต้องหานั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนเองยังไม่เห็นหลักฐาน แต่ได้พูดคุยกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะเป็นพยานแวดล้อม โดยจะนำหลักฐานไปเข้าสำนวน ว่าแก๊งค์นี้มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดอย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และเท่าที่ฟังมีแผนปทุษกรรมใกล้เคียงกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่พลาด! 'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วม 'เบน สมิธ'

'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วมกับเบน สมิธ เข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

'พี่ศรี' มาแล้ว บุก ป.ป.ช.ร้องสอบ 'อนุทิน' บริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ผิดพลาดล้มเหลว

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรีกับพวก กรณีผิดพลาด ล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด

ชาวพิมายเฮ! ศาลปกครองสูงสุดสั่งกรมศิลปฯระงับฮุบที่ดินชาวบ้านรอบอุทยานฯพิมาย 2,287 ไร่

ที่ศาลปกครองสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองนครราชสีมา โดย สั่งให้อธิบดีกรมศิลปากรระงับการขยายเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมายบางส่วนกว่า 2,287 ไร่