'อดีตสหาย' พรึ่บ! ประกาศลั่นปกป้องสถาบันฯ หนุนมาตรา 112 ฟันกลุ่มจาบจ้วง

'สุพล หมื่นศรีพรม' นำอดีตสหายผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ ประกาศเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ หนุนใช้ มาตรา 112 พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แนะรัฐบาลรีบดำเนินคดีกับผู้จาบจ้วง

12 ม.ค.2565 - ที่เครือข่ายผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กลุ่มรักสันติ บ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น นายสุพล หมื่นศรีพรม หรือ “สหายธวัชชัย” ประธานกลุ่ม ผรท.รักสันติ นายอนุรักษ์ แสนเวียง หรือ “สหายน่าน” ประธานกรรมการ ผรท.ภาคอีสาน ดำเนินการ “รวมพลังอดีตสหาย ผกค.ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์” โดยมีอดีตสหาย ผกค.เก่า ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ได้นำรูปที่แขวนเอาไว้ในบ้านที่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง ร.9 มาตั้งเอาไว้บนโต๊ะที่สูงแล้วพากันจุดเทียนชัยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย จาก ร.9 ถึง ร.10

นายสุพล กล่าวว่าตนและอดีตสหาย หรือ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้รับนโยบายและประสานงานจากทาง ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อแสดงจุดยืนว่าอดีตสหาย ผกค.เก่า ได้พัฒนาตัวเองมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือ ผรท. เพื่อต้องการแสดงจุดยืนในการสนับสนุนใช้มาตรา 112 และต้องการให้จัดการกับผู้ที่หวังล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอดีตสหายเก่าจาก เขตงาน 203 เขตงาน 207 เขตงาน 222 เขตงาน 333 เขตงาน 555 เขตงาน 666

นายสุพล กล่าวต่อว่าส่วนมีคำสั่ง 66/23 ประกาศใช้โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการเจรจาให้วางอาวุธปืนมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเพื่อพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกัน และทางรัฐบาลก็ให้การเยียวยาดูแลการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชนอดีตสหายเก่ามาอย่างต่อเนื่อง ใต้ร่มโพธิสมภารของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่รัชกาลที่ 9 จนมาถึงรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นประมุขของประเทศ ทรงปกครองประชาชนและแผ่นดินไทยให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ทรงเป็นมิ่งขวัญและเป็นศูนย์รวมความสามัคคีของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ

ประธานกลุ่ม ผรท.รักสันติ กล่าวว่าที่ผ่านมาการต่อสู้ของอดีตสหาย ผกค.ออกมาเรียกร้องให้ความเสมอภาคต่อประชาชนโดยประชาชนอยู่ดีกินดีเท่านั้น และที่สำคัญเราออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกลุ่มอดีตสหายเองก็มีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ไม่เคยคิดจะจาบจ้วงหรือหวังล้มล้างสถาบันแต่อย่างใด แต่มาวันนี้พวกเราเห็นพฤติกรรมของลูกหลานกระทำแล้วเหยียดหยามหัวใจของประชาชนอย่างมาก อยากจะบอกว่า บรรพบุรุษของเราแม้แต่อดีตสหาย ผกค.และประชาชนรุ่นหลังที่พวกเรายอมเสียเลือดเนื้อเพื่อปกป้องสถาบันหลักนั้นคือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในการต่อสู้พวกเราจะจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับพวกจาบจ้วงและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างรวดเร็วและให้ถึงที่สุด

ขณะที่ นายอนุรักษ์ แสนเวียง หรือ “สหายน่าน” ประธานกรรมการ ผรท.ภาคอีสาน กล่าวว่า วันนี้พวกเราอดีตสหาย ผกค.เก่า ได้ออกมารวมกันแสดงพลังจุดยืนเพื่อต่อสู้และปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ที่ถูกกลุ่มนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มนักศึกษาที่มีความเห็นต่าง จาบจ้วงคิดจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย

"การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน 20 จังหวัด ในครั้งนี้เพราะทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่มีคุณูปการหาที่สุดมิได้กับกลุ่ม ผรท.จึงจำเป็นต้องออกมาต่อต้านผู้ที่คิดไม่ดีต่อสถาบันหลัก เพื่อปกป้องยอมสละชีวิต เพื่อให้ชาติไทยอยู่ตลอดไปชั่วนิจนิรันทร์ มิให้ใครมาทำลาย พร้อมทั้งได้ตั้งขบวนเดินรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนชาวอดีตสหาย ผกค.และประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมรวมตัวกันออกมาประณามกลุ่มที่จาบจ้วงหวังล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์" อดีตสหายน่าน กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศชอ. คัมแบ็ค! ประกาศกลับมาแล้ว พร้อมลุยใช้กฎหมาย ม.112 ปกป้องสถาบัน

เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ.โพสต์ข้อความว่า "กลับมาแล้ว" หลังจากเมื่อเดือนกันยายน 2566 ได้ประกาศยุติบทบาทการเคลื่อนไหวใช้กฎหมายในการปกป้อง ช

'ดร.อานนท์' ร่ายยาว ไม่เคยมีใครสั่งให้เขียนหรือพูดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊ก Arnond Sakwora

ทำลายสถิติ! ผู้ต้องขังยังเพิ่มพุ่ง 46 คน คดี ม.112 เกินครึ่ง ผู้อดอาหารประท้วงยังถูกขังต่อ

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ปัจจุบัน (4 เม.ย. 2567) มีผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก อย่างน้อย 46 ราย ในจำนวนนี้เป็นคดีมาตรา 112 เกินกว่าครึ่ง เป็นจำนวน 28 คน