โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'พล.อ.พนา' นั่ง ผบ.ทบ. 'พล.ร.อ.จิรพล' เป็น ผบ.ทร.

ราชกิจจานุเบกษา"บิ๊กปู" ผบ.ทบ. ‘บิ๊กแมว’ ฝ่ากระแสต้านขึ้นเป็น ผบ.ทร. คนใหมj ขณะที่ ทบ. ส่งออก ‘บิ๊กหยอย-บิ๊กหนุ่ย’ ด้าน ทบ.เปลี่ยน 4 แม่ทัพ เขย่าเก้าอี้ทัพภาคที่ 1 ทหารเสือราชินีผงาดคุม3กองพล จับตา ทอ. วางไลน์ 6 ฉลาม ทอ. พบมี 3 แคนดิเดต ผบ.ทอ. ชิงปี68

21 ก.ย.2567 - เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 808 นาย ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2567 เป็นต้นไป โดยมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ (ตท.24) ผู้ช่วยผบ.ทบ. โยกออก ทบ. ไปเป็น รอง ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเตรียมขึ้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. โยกออก ทบ. ไปเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมขึ้นเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม ปี 2568 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) รอง ผบ.ทร. โยกออก ทร. ไปเป็น รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด

กองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. , พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็น รอง ผบ.ทบ. , พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. , พล.อ.วสุ เจียมสุข (ตท.25) รองผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. , พล.ท.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.ท.ธงชัย รอดย้อย (ตท.25) รอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น เสธ.ทบ.

ในระดับแม่ทัพภาค พล.ท.อมฤต บุญสุยา (ตท27) แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 - พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ (ตท.28) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพน้อยที่ 3 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ขึ้นเป็น ผบ.นสศ. ขณะที่ พล.ต. วรยศ เหลืองสุวรรณ (ตท.28) รองแม่ทัพภาคที่1 ขยับขึ้นมาเป็นแม่ทัพน้อยที่1พล.ต.อุดม แก้วมหา รองผู้บัญชาการโรงเรียนในรอยพระจุลจอมเกล้า ( รอง ผบ. รร. จปร.)ขึ้นเป็น ผบ. รร. จปร.

ที่สร้างความฮือฮา คือการปรับตำแหน่งขุมกำลังทัพภาคที่1 เกือบยกแผง โดยมีชื่อของ พล.ต. ณัฐเดช จันทรางศุ (ตท.28)รองแม่ทัพน้อยที่1 กลับมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่1 พล.ต. สิทธิพร จุลปานะ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1รอ.) เป็นรองแม่ทัพน้อยที่1 พล.ต. เทพพิทักษ์ นิมิตร ( ตท.31) ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์( ผบ.พล.ร.2 รอ.) เป็นรอง ผบ.รร.จปร. พล.ต. เอกอนันต์ เหมะบุตร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่11 เป็นรองผบ.รร.จปร. พล.ต. วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลหาราบที่ 9เป็นรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก พล.ต. โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เป็นรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก

ที่น่าสนใจมีการส่งทหารเสือราชินีคุมกำลังกองพลสำคัญได้แก่ พ.อ. เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อ ยุทธยา รองผบ พล.ร.2 รอ ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2รอ พ.อ. กิตติ ประพิตรไพศาล( ตท.31) รอง ผบ.พล.2 รอ. ข้ามขึ้นเป็น ผบ.พล 1รอ. พ.อ. ยุทธยา มีเจริญ (ตท.30) ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11

นอกจากนั้นยังมีชื่อ พล.ต.ศรัณย์ รอดบุญธรรม เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุนเป็นผู้บัญชาการกองพลหาราบที่9 พ.อ. อินทนนท์ รัตนกาฬ เป็นผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่1

กองทัพเรือ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) สำหรับ พล.ร.อ.จิรพล จบจาก ร.ร.นายเรือเยอรมัน เมอร์วิค พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราพห์ (ตท.23) ผู้ช่วย ผบ.ทร. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร. , พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทร. ขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ , พล.ร.ท.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทร. , พล.ร.ท.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ รอง เสธ.ทร. ขึ้นเป็น เสธ.ทร. , พล.ร.ท.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช เจ้ากรมข่าว ทร. ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ

กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชัยนาท ผลกิจ (ตท.24) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทอ. , พล.อ.ท.คิดควร สดับ (ตท.24) รอง ผบ.กองบัญชาการควบคุมการปฎิบัติทางอากาศ (คปอ.) ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทอ. , พล.อ.อ.เสกสรร คันธา (ตท.26) เสธ.ทอ. ขยับเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทอ. และ พล.อ.ท.วชิระพล เมืองน้อย (ตท.27) เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ ขึ้นเป็น เสธ.ทอ.

ขณะที่ พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก (ตท.25) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. โยกมาเป็น ผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ พล.อ.ต.ขจรฤทธิ์ แก้วอำไพ (ตท.26) รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ขยับเป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน

สำหรับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ จบการศึกษา โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 เกษียณอายุราชการในปี 2570 เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี (เป็นหน่วยทหารราบส่งทางอากาศและหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบกหรือเรียกชื่อย่อว่า หน่วย RDF) ,ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 จ.ฉะเชิงเทรา (กองพล สไตร์เกอร์ ) แม่ทัพภาคที่ 1 ,เสนาธิการทหารบก

สำหรับประวัติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ จบการศึกษา จากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 23 โรงเรียนนายเรือเยอรมัน เมอร์วิค (MARINESCHULE MURWIK) เมืองเฟลนสบวก (เยอรมนี) หลักสูตรพรรคนาวิน สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง รุ่นที่ 34 หลักสูตรเสนาธิการทหารเรือ รุ่นที่ 57 และหลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือ (วทร.) รุ่นที่ 43 ขณะที่ตำแหน่งสำคัญที่เคยได้รับตำแหน่งสำคัญ คือ ผู้บังคับการเรือหลวงประแส ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย ผู้บัญชาการกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ รองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระอุ สภาสูงย้อนเกล็ดเพื่อไทย ประธานกมธ.ทหารฯ ขวาง ครม.ทำโผทหาร

ระอุ สภาสูงตั้งป้อม สกัดเพื่อไทย ยึดอำนาจกองทัพ ประธานกมธ.ทหารฯ มาเอง ขวางครม.ทำโผทหาร เปิดเหตุผล “หัวเขียง-พท.”เสนอเพิ่มอำนาจครม.ตั้งบิ๊กท็อปบูต อัดแรง ระบบปัจจุบันเปิดช่องผบ.เหล่าทัพ วางทายาท-พวกพ้องให้สืบทอดอำนาจ

'บิ๊กอ้วน' ลั่นโผทหารจบด้วยดี ยันไร้ตั๋วแต่งตั้ง ผบ.ตร.-เลขาฯสมช.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าความคืบหน้าการโผทหารว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการและจบลงด้วยดีทุกอย่าง เราได้พูดคุยกันทุกเหล่าทัพ กับฝ่ายการเมืองที่เข้ามา โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานที่อยากให้กองทัพเดินไปข้างหน้า

'ภูมิธรรม' รับคุย 'โผทหาร' นอกรอบ แต่งตั้ง ผบ.ทร. คนใหม่ ต้องดูหลายเหตุผล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อประชุมในเรื่อง การแก้ไขปัญหาอุทกภัย ได้มีหารือกับผู้บัญชาเหล่าทัพนอกรอบในหลายเรื่อง รวมถึงโผทหารที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย

ผวา! การเมืองแทรกโผทหาร ‘ดร.นิว’ ขอ ปชช.ช่วยจับตา ป้องกันบ้านเมืองวุ่นวาย

โผทหารเป็นอีกเรื่องที่ประชาชนต้องช่วยกันจับตา ควรเป็นเรื่องกิจการภายในของทหาร ไม่ควรที่จะมีการแทรกแซงใดๆ จากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น