เรืองไกร ร้องอีกตรวจแพทองธาร ถือหุ้นบริษัทเกิน 5% หลุดตำแหน่งนายกฯ

เรืองไกร ร้อง กกต. ตรวจแพทองธาร ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 หรือไม่ จะต้องพ้นจาก นรม. หรือไม่

6 ต.ค. 67 – นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละห้า หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า คำร้องดังกล่าว มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

ข้อ 1. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ลำดับที่ 3 ปรากฏชื่อนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 16,950,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละประมาณ 45.11 โดยแจ้งแยกเป็น 4 รายการ คือ 1,300,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 2700001-4000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/09/2539 และจำนวน 650,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 100011-750010 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543 และจำนวน 10,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 24000001-34000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 02/04/2540 และจำนวน 5,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 4000001-9000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543

ข้อ 2. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ลำดับที่ 4 ปรากฏชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 16,949,990 หุ้น คิดเป็นร้อยละประมาณ 45.10 โดยแจ้งแยกเป็น 4 รายการ คือ 1,300,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 1400001-2700000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/09/2539 และจำนวน 649,990 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 750011-1400000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543 และจำนวน 10,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 14000001-24000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 02/04/2540 และจำนวน 5,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 9000001-14000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543

ข้อ 3. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งขอคัดมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 พบว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 กรรมการบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ซึ่งระบุว่า คัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ทุนจดทะเบียน 375,750,000 บาท แบ่งออกเป็น 37,575,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ผู้ถือหุ้นไทย 5 คน โดยลำดับที่ 3 ปรากฏชื่อนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นจำนวน 33,899,990 หุ้น เลขหมายใบหุ้น 100011-34000000 ลงวันที่ 5/9/2567 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/9/2539

ข้อ 4. ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา หัวข้อ บ.ที่สอง! นายกฯแพทองธาร โอนหุ้น ประไหมสุหรีฯ 169.4 ล. ให้ ‘พินทองทา’ พี่สาว ลงข่าวไว้บางส่วนดังนี้

“นอกจาก บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด (ALPINE GOLF & SPORTS CLUB CO.,LTD.) ที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 (นายกฯคนที่ 31 เป็นนายกฯสุภาพสตรีคนที่ 2 ของทำเนียบนายกฯ) โอนหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้น มูลค่าตามทุนจดทะเบียน 224.1 ล้านบาท ให้แก่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นมารดา โดยนำส่งนายทะเบียนเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว

ถัดมาเพียง 1 วัน นางสาวแพทองธารได้โอนหุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชื่อ บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือเดิมชื่อ บริษัท แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอฟ ซี (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 16,949,990 หุ้น มูลค่า ประมาณ 169.4 ล้านบาท (ตามทุนจดทะเบียน) คิดเป็นสัดส่วน 45.10 % ของทุนจดทะเบียน ไปให้ นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ (เอม) พี่สาวด้วยเช่นกัน”

ข้อ 5. จากข้อมูลข้างต้น จึงน่าจะเชื่อได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้โอนหุ้นของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 16,949,990 หุ้น ให้แก่นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เมื่อต้นเดือนกันยายน 2567 เนื่องจากเลขหมายใบหุ้น 100011-34000000 ลงวันที่ 5/9/2567 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/9/2539 ที่แจ้งใหม่นั้น ได้รวมเลขหมายใบหุ้นที่เคยเป็นของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไว้ด้วย

ข้อ 6. ดังนั้น การที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 มาจนถึงปัจจุบัน แต่ตามแบบ บอจ.5 วันที่ 5 กันยายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งมาโอนหุ้นจำนวน 16,949,990 หุ้น ในบริษัทดังกล่าวให้นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ กรณี จึงอาจทำให้น่าเชื่อได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 กรณีดังกล่าวจึงอาจเป็นเหตุความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ตามมาได้

ข้อ 7. เกี่ยวกับข้อกฎหมายกรณีดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2567 ลงวันที่ 31 มกราคม 2567 ก็ได้วินิจฉัยตีความไว้ชัดเจน กกต. จึงสามารถใช้ประกอบตรวจสอบได้

ข้อ 8. จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับพยานเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงน่าจะเพียงพอเพื่อให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ตรวจสอบว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2567 ซึ่งเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

นายเรืองไกร สรุปว่า ในคำขอท้ายหนังสือ ตนจึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเป็นแต่ละประเด็นดังนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2567 ซึ่งเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 หรือไม่

กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่

อนึ่ง ขอให้นำข้อเท็จจริงตามคำร้องลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่ง กกต. ลงเลขรับที่ 12094 มาถือเป็นความปรากฏเพื่อนำไปพิจารณาเพิ่มเติมว่า กรณีการถือหุ้นเกินร้อยละห้าในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ด้วยหรือไม่

และหากตรวจสอบแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องมีมูล ขอให้ กกต. รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว ตามความในมาตรา 170 วรรคสาม พร้อมทั้งมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามความในมาตรา 82 วรรคสอง ด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444